“ธีระชัย” ลาออก ปมราคายางตกต่ำ

11 พ.ย. 2563 | 12:00 น.

เครือข่าย กยท. เดือด หลังรัฐไร้ทิศทางบริหารยาง ราคาหัวทิ่ม ประกาศลั่น ลาออก จากกรรมการ พรบ.ควบคุมยางฯ โวยตั้งมา 2 เดือน แล้วยังไม่มีประชุม จะไปต่อกรกับกลุ่มทุนได้อย่างไร

ธีระชัย แสนแก้ว

 

นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ การยางแห่งประเทศไทย  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ราคายางพาราขึ้นอยู่กับการบริหารในระดับประเทศ คนที่มีอำนาจไม่ได้ใช้อำนาจ เพราะปัจจุบันผลผลิตไม่ใช่จะมีมากกว่าความต้องการ ในขณะเดียวกันการค้าขายเป็นอย่างไร แต่ผู้มีอำนาจกลับไม่ใช้อำนาจ แต่ก็เห็นนะว่าพยายามจะใช้ผมก็ไม่รู้ว่าใช้อย่างไร ดังนั้นต้องมาดูว่าปัญหาของต้นตอคืออะไร เคยนำเสนอว่าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ ตามพ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 ซึ่งตัวนี้จะเป็นอาวุธในการที่จะส่งผลกระทบให้กับผู้ประกอบการที่เอารัดเอาเปรียบพี่น้องเกษตรกร หรือพ่อค้ารายใหญ่เอาเปรียบ พ่อค้ารายกลาง หรือพ่อค้ารายกลางเอาเปรียบพ่อค้ารายย่อย แล้วพ่อค้ารายย่อยก็ไปเอาเปรียบเกษตรกร ซึ่งไล่ไปเป็นทอด ในการเอารัดเอาเปรียบ อาทิ โกงตาชั่ง การวัดค่าดีอาร์ซี จำเป็นต้องใช้ พรบ.ควบคุมยางฯ เวลาฉุกเฉินในลักษณะแบบนี้ จะมานั่งบัญชาการอยู่กระทรวง ควบคุมและแก้ปัญหาไม่ได้

 

“ตอนนี้ต้องส่งเจ้าหน้าที่ปูพรมทั้งประเทศในทุกจังหวัดที่มีปลูกยาง แบบ “โปลิศรับเบอร์” หรือ “ตำรวจยางพารา” บทบาทเหมือนกับ “สารวัตรเกษตรที่ไปจับปุ๋ยเคมีปลอม” อย่ามาอ้างว่าไม่มีพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ กยท.กว่า 2,000 คน นำมาแต่งตั้งร่วมเป็นหนักงานเจ้าหน้าที่ ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้กำกับและดูแลควบคุมยางพาราทั้งประเทศ มีอำนาจเต็ม ไม่เช่นนั้น พนักงาน กยท.จะมีไว้ทำไม เมื่อแต่งตั้งแล้ว สามารถมีอำนาจจับกุม และแจ้งความดำเนินคดีได้เลย”

 

 

“ธีระชัย” ลาออก ปมราคายางตกต่ำ

 

นายธีระชัย กล่าวว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุม ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยางฯ แต่ไม่เคยประชุมเลย ผมจะไปขอ "ลาออก" ผ่านมา 3 เดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ยังไม่มีการประชุมเลย เพราะฉะนั้นอย่าแต่งตั้งเลย ไม่มีประโยชน์ เพราะหากมีการแต่งตั้งต้องทำงาน จะเดินไปลาออกที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เร็วที่สุด เพราะทนไม่ไหวจริง

 

การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สถานการณ์ยางพาราวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ราคากลางเปิดตลาดยางแผ่นดิบอยู่ที่ 60.94 บาท/กก. ยางแผ่นรมควันอยู่ที่ 61.51 บาท/กก. ส่วนราคาประมูลเฉลี่ย ณ ตลาดกลางยางพาราฯ ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 60.85 บาท/กก. ราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 62.18 บาท/กก. ราคายางได้รับ ปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปริมาณยางที่ออกสู่ตลาดลดลง เนื่องจากประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ มีพายุ "ดีเปรชชั่นเอตาล" ประกอบกับทางภาคใต้ของประเทศ ไทยมีฝนตกอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางอีกทั ง ผู้ประกอบการภายในประเทศยังคงมีความต้องการยางมากขึ น อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทแข็งค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และ ราคาตลาดล่วงหน้าผันผวน เป็นปัจจัยกดดันราคายางใน ขณะนี นักลงทุนยังคงต้องติดตามเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด