"สตาร์โดม"ลั่นไม่ออก การต่อสัญญาเช่าสนามกอล์ฟพิมานทิพย์อึมครึม กองบิน41เชียงใหม่ ขึ้นป้ายครบสัญญาให้ผู้รับสัมปทานเดิมออก เพื่อเปิดประมูลใหม่ สั่งปิดพื้นที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ผู้บริหารสตาร์โดมร้องถูกบีบขึ้นค่าเช่าพรวด 5 เท่าทั้งที่เจอสถานการณ์โควิด นำ 300 พนักงานดื้อแพ่ง
กรณีกองบิน 41 ในนามของกองทัพอากาศ(ทอ.) เจ้าของพื้นที่สนามกอล์ฟพิมานทิพย์ (สตาร์โดม) อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ขึ้นป้ายประกาศแจ้งเจ้าของผู้รับสัมปทานบริหารสนามกอล์ฟฯ (คู่สัญญาเช่าพื้นที่) ให้ยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ (31 ก.ค.63) โดยมีข้อความว่า
กองบิน 41 แจ้งยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ ตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุญาตให้ "บริษัท เดอะ สตาร์โดม จำกัด" ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกองบิน 41 และสัญญาอนุญาตได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 30 เมษายน 2563 นั้น
บัดนี้ ได้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุโลมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว กองบิน 41 ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า การให้บริการสนามฝึกช้อมกอล์ฟในนาม "เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์"จะสิ้นสุดลงอย่างป็นทางการใน 31 กรกฎาคม 2563 นี้ และกองบิน 41 จะปิดพื้นที่อย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป
กองบิน 41 สงวนสิทธิ์ไม่มีความกี่ยวข้องกับการดำเนินการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ระหว่างผู้ประกอบการพนักงาน ลูกจ้างหรือลูกค้าที่มีต่อ"เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกข้อมกอล์ฟพิมานทิตย์" ทั้งสิ้น จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศของกองบิน 41 สร้างความสับสนให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริหารสนามกอล์ฟ พนักงาน ลูกจ้าง ตลอดจนลูกค้าสมาชิกสนามกอล์ฟอย่างมาก
ล่าสุด ช่วงสายวันที่ 31 ก.ค.2563 ผู้บริหารสนามกอล์ฟฯ นำโดย ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ แจ้งนัดเปิดการแถลงชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ณ บริเวณภายในสนามกอล์ฟสตาร์โดมฯ โดยมีผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ร่วมประชุม โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามีสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก
ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.ทสห.บน.41 จำนวนกว่า 20 นายมาสังเกตการณ์ และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง และไม่อนุญาตให้มีการแถลงข่าวใด ๆ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของทหารอากาศ เป็นพื้นที่หวงห้าม หากจะแถลงต้องทำเรื่องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน โดยเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ดร.พรรณวิภา ได้นำคณะผู้บริหาร พร้อมพนักงาน และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งแคดดี้กว่า 300 ชีวิต เข้ากราบสักการะศาลพระภูมิภายในสนามกอล์ฟเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นพากันเดินออกจากพื้นที่นอกประตูสนามกอล์ฟ เพื่อให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ เปิดเผยว่า บริษัทสตาร์โดมฯ ได้ชนะการประมูล ได้รับสิทธิ์การบริหารสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นเวลา 30 ปี (ปี2550-2580) ซึ่งได้เข้าบริหารสนามกอล์ฟเรื่อยมา โดยบริษัทฯใช้เงินกว่า 200 ล้านบาท ลงทุนสร้างสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 9 หลุม มีสนามไดร์ฟ ความยาว 300 หลา 70 ช่องไดร์ฟกอล์ฟ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ปรับปรุงภูมิทัศน์ต่าง ๆ พร้อมที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ต่อมาได้รับแจ้งจากทางกองทัพอากาศว่า สัญญาเดิม 30 ปียาวนานเกินไป เกรงจะมีข้อจำกัดต่าง ๆ จึงขอให้ต่อสัญญาทุก ๆ 3 ปี และทุกสัญญาจะขอปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้น 5% ทางบริษัทยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวและดำเนินการเรื่อยมา โดยสัญญาล่าสุดต่อปี 2560-2563 เมื่อครบกำหนดก็ได้รับแจ้งว่า ขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดสัญญาเช่าใหม่ โดยขอปรับค่าเช่าขึ้น 500% และยังระบุเงื่อนไขอีกว่า เนื้อหาในสัญญารวมถึงพื้นที่เช่านั้นจะถูกปรับแก้เมื่อไหร่ก็ได้ "ตรงนี้เราจะรับได้อย่างไร"
ดร.พรรณวิภา กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์โควิด ผลประกอบการสนามกอล์ฟลดลงอย่างมาก ต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก จึงได้เข้าไปเจรจากับคู่สัญญาฯเพื่อขอความเห็นใจ แต่ไม่เป็นผล แถมทางคู่สัญญายังได้แจ้งอีกว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนรายใหม่เข้ามาบริหาร โดยเปิดโอกาสให้สตาร์โดมมีสิทธิ์ร่วมการประมูลสัมปทานครั้งใหม่ ทั้งที่เรามีสัญญายาวถึงปี 2580
บริษัทสตาร์โดม จำกัด เป็นบริษัทที่เข้ามาบริหารโดยผ่านการประมูลและคัดเลือกอย่างถูกต้อง และได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัดเสมอมา แม้กระทั่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่บริษัทขาดสภาพคล่องก็ได้มีการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อมาเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท ประการสำคัญคือ การเยียวยาประคับประคองพนักงานทั้งหมดของบริษัท ที่มีมากกว่า 300 ชีวิตที่จะต้องได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ยังไม่นับสมาชิกในครอบครัวอีกเป็นจำนวนมาก
การกระทำของกองบินฯ41 โดยการขึ้นค่าตอบแทน และเพิ่มเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นการสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวเมื่อไร เหมือนกับเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ และซ้ำเติมพนักงานที่แทบจะเอาตัวไม่รอด ทั้งยังสวนทางนโยบายรัฐบาล ที่ส่งเสริม SMEs เพื่อจะรักษาความสามารถในการจ้างงานไว้ ไม่ให้พนักงานต้องตกงานได้รับความเดือดร้อนเมื่อบริษัทต่าง ๆ ต้องปิดกิจการ ดังที่เป็นข่าวปรากฏอยู่ทั่วประเทศและทั่วโลก
“พนักงานเรา 300 ชีวิตจะอยู่ยังไง เราเป็นเอกชนไม่อยากจะมีเรื่องกับส่วนราชการอยู่แล้ว โดยเฉพาะทหาร ใคร ๆ ก็รู้ดี เราไม่อยากถูกรังแกจึงอยากขอความเห็นใจ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ไปไหน จะเปิดให้บริการตามปกติ เพราะเรามีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญา” ดร.พรรณวิภา กล่าว
ทั้งนี้ สื่อมวลชนยังไม่ได้รับการชี้แจงใด ๆ จากทางทอ.เพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป