นายยงยุทธ ฟูพงศ์ศิริพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ถือเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่เหมาะสมกับภาวะวิกฤตที่สุด เนื่องจากสื่อสารคีย์เมสเซจ(Key Message)ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรและแบรนด์สินค้าได้ โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการสื่อสารรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้ควรใช้การประชาสัมพันธ์ ควบคู่กับการใช้สื่อออนไลน์ โซเซียลมีเดียแคมเปญ เพื่อสร้าง Call to Action (CTA) ให้เกิดผลลัพธ์ด้านยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
สำหรับรูปแบบการสื่อสารที่ภาคธุรกิจที่ควรให้ความสำคัญ มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.คอนเทนต์ (Content) ต้องสร้างสรรค์ กระชับ ชัดเจน 2.รูปแบบการนำเสนอต้องเข้าใจง่าย เช่น อินโฟกราฟิก คลิปวิดีโอ การ์ตูน เป็นต้น และ 3.เลือกใช้ช่องทางสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องผสมผสานทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ช่องทางสื่อสารของบริษัท (Owned Media) เช่น เฟซบุ๊กแฟนเพจ เว็บไซต์ เป็นต้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายและควบคุมเนื้อหาของการสื่อสารได้
“หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สิ้นสุดลง แนวทางการทำงานและมุมมองของหลายๆ ธุรกิจจะเปลี่ยนแปลง ไป เกิดธุรกิจบริการใหม่ๆ มากขึ้น ดังนั้น ภาคธุรกิจควรใช้จังหวะนี้ปรับกลยุทธ์และเร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ ไปยังกลุ่มเป้าหมายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้จะส่งผลดีทำให้แบรนด์แข็งแรงและเป็นที่จดจำอยู่เสมอแล้ว เพราะหากสถานการณ์คลี่คลายก็จะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”