แหล่งข่าวระดับสูงจากที่ประชุมการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและฟื้นฟูการบินไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า วันนี้ (24 เมษายน2563) ในการประชุมแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและฟื้นฟูการบินไทย ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ข้อสรุปว่าจะมีการนำรายละเอียดของแผนฟื้นฟูของการบินไทย เสนอให้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือคนร.ในวันที่29เมษายนนี้
ทั้งนี้กรอบในการพิจารณาของคนร.จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
1.ระยะเร่งด่วน ซึ่งการบินไทยจะต้องรายงานสถานะของบริษัท ที่ขาดสภาพคล่องมาตั้งแต่หยุดทำการบินไป เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อดูแลสภาพคล่องของการบินไทยให้ได้ถึงเดือนธันวาคมนี้
2. การดำเนินการฟื้นฟูการบินไทย ที่จะทำให้การบินไทยกลับมาเข้มแข็ง หลังจากธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้แล้ว โดยเฉพาะการทำให้การบินไทยมีการบริหารงานที่คล่องตัวและแหล่งเงินทุนใหม่เข้ามาเสริมความเข้มแข็งให้ธุรกิจ
โดยมีหลายแนวทางไม่ว่าจะเป็นการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังลงให้ต่ำกว่า 50% และ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในส่วนของกองทุนวายุภักษ์โดยหาผู้เข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือคนร.จะเป็นผู้พิจารณา หรือจะยังคงทุกอย่างไว้เหมือนเดิม แต่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ หรือการเพิ่มทุน
แผนฟื้นฟูการบินไทยในครั้งนี้ การบินไทยได้ว่าจ้างบริษัทฟินนันซ่า มาดูในเรื่องการเงิน และจ้างบริษัทเบเกอร์ แอนด์ แมคเคนซี มาดูเรื่องของกฏหมายให้ โดยศึกษามากว่า 2-3 ปีแล้ว ที่เข้ามาศึกษาลงลึกในแผนฟื้นฟูดังกล่าว
ทั้งการลดขนาดองค์กร การลดต้นทุน การให้รัฐสนับสนุนเงิน โดยการบินไทยมีความต้องการเงิน 5-7 หมื่นล้านบาท ตามแผนฟื้นฟูดังกล่าว คนร. จะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดของแผนฟื้นฟูว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรและใช้วิธีการใด
รวมถึงแผนการจัดหาฝูงบิน38ลำ ที่ในสถานการณ์เช่นนี้จะต้องชลอหรือยกเลิกไปก่อน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้รายละเอียดในแผนฟื้นฟูยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเชื่อว่าจะแล้วเสร็จทันต่อการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาในวันที่ 29 เม.ย.นี้ และเชื่อว่าแผนฟื้นฟูดังกล่าวจะช่วยทำให้อุตสาหกรรมการบินของไทยกลับมาเข้มแข็งได้