นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าขณะนี้หลายภาคส่วนได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นทางกรมจึงได้เร่งนำแนวทางด้านส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลมาสร้างความเข้มแข็ง โดยผ่านการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI มาใช้เพื่อคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิเฉพาะของชุมชน การรักษามาตรฐานของสินค้าและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มาและคุณภาพของสินค้า รวมถึงช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถผลิตได้เฉพาะท้องถิ่นให้มากขึ้น
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในด้านการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าในสินค้าชุมชน ทางกรมได้เตรียมผลักดันให้สินค้า GI พัฒนาไปสู่ตลาดและผู้บริโภคตามช่องทางต่างๆ ที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อเป็นช่องทางการตลาดให้กับสินค้า GI ที่มีความหลากหลาย ทั้งสินค้าเกษตรกรรม หัตถกรรม และอุตสาหกรรม (เกษตรแปรรูป) ซึ่งต้องใช้ความพยายาม ความมุ่งมั่น และการร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพื่อนำสินค้าชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาที่อื่นไม่ได้ ไปสู่สินค้าที่มีคุณค่าและมูลค่าให้มากขึ้น
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวอีกว่าได้ตั้งเป้าหมายการส่งเสริมสินค้า GI ไปสู่กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่ากลุ่มสินค้าที่ขึ้นทะเบียนเพื่อการอนุรักษ์ และเพิ่มเติมการจัดทำระบบควบคุมสินค้า GI ให้เข้มข้น เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้การสร้างมูลค่าของสินค้ากลุ่มนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้ทั้งในประเทศและส่งออกไปตลาดต่างประเทศแต่ละปีหลายพันล้านบาท ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานสินค้า GI จะสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นหมื่นล้านบาทได้อย่างแน่นอน เนื่องจากสินค้า GI ในหลายรายการเป็นที่ยอมรับทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI เพิ่มเติมอีก 2 รายการ ได้แก่ ผ้าหม้อห้อมแพร่ และกล้วยหอมทองปทุม ทำให้ขณะนี้ ประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้ว 120 รายการ จาก 76 จังหวัด