นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ทำหนังสือถึงนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับและดูแลองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เรื่องร้องเรียนการออกหลักเกณฑ์นมโรงเรียนที่ยกเลิกข้อ “ผู้ประกอบการแต่ละรายได้รับสิทธินมโรงเรียนทุกกลุ่มรวมกันสูงสุดไม่เกิน 80 ตัน”
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 โดยผู้มีส่วนได้เสียในที่ประชุมประชาพิจารณ์หลักเกณฑ์ประกอบด้วย 1. ผู้แทนเกษตรกรที่ประกอบอาชีพโคนม2. ผู้แทนเกษตรกรภาคสหกรณ์ที่ซื้อขายนมดิบกับเกษตรกร 3. ผู้ประกอบการในโครงการนมโรงเรียนที่ซื้อขายนมดิบกับเกษตรกรเพื่อนมโรงเรียน และ 4.ผู้แทนภาครัฐที่เข้าร่วมสังเกตการณ์เพื่อร่วมประชุมประชาพิจารณ์
นายนัยฤทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า ในที่ประชุมประชาพิจารณ์ได้รับฟังคำชี้แจงหลักเกณฑ์ ผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดไม่มีใครคัดค้านการจำกัดสิทธินมโรงเรียนผู้ประกอบการแต่ละรายรวมกันทุกกลุ่มสูงสุดได้ไม่เกิน 80 ตันแต่มีแนวโน้มการยกเลิกหลักเกณฑ์ข้อไม่จำกัดการรับสิทธินมโรงเรียนแต่ละรายรวมกันทุกกลุ่มได้ไม่เกิน 80 ตัน ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อระบบการบริหารจัดการนมดิบทั้งระบบ เพราะถือได้ว่า 1.เป็นการขัดต่อนโยบายสาธารณะของรัฐที่เป็นโครงการของรัฐที่มีการเปิดรับคำชี้แจงเป็นการประชาพิจารณ์กับผู้มีส่วนได้เสียแล้วและไม่มีการคัดค้านเรื่องได้สิทธินมโรงเรียนสูงสุดไม่เกิน ๘๐ตัน ในที่ประชุม
2.เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.75 วรรค 2 ที่รัฐต้องไม่แข่งขันกับภาคเอกชน ที่หลักเกณฑ์นมโรงเรียนไม่จำกัดสิทธินมโรงเรียนรวมสูงสุด 80 ตัน เป็นการเปิดทางให้ผู้ประกอบการบางรายที่เป็นหน่วยงานของรัฐได้ประโยชน์
3.เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ม.40 ที่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและป้องกันการผูกขาด แต่ยกเลิกสิทธิสูงสุด 80 ตัน เป็นการเพิ่มการผูกขาด ให้กับผู้ประกอบการบางรายได้ประโยชน์ 4.ป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ หมวด 76 การปฏิรูปประเทศ ม.258 ฉ. (1) และ ที่รัฐต้องขจัดอุปสรรค เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน สร้างกลไกเพื่อเสริมสร้างสหกรณ์และผู้ประกอบการแต่ละขนาดให้มีความสามารถในการแข่งขันอย่างเหมาะสม แต่การยกเลิกสิทธินมโรงเรียนสูงสุด 80 ตัน ย่อมทำให้ผู้ประกอบการภาคสหกรณ์และเอกชนรายย่อยไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเหมาะสม ไม่ได้รับการสร้างกลไกให้แข่งขันอย่างเหมาะสม
ดังนั้นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมตามหลักรัฐธรรมนูญและหลักการลดความเหลื่อมล้ำตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สร้างกลไกเพื่อส่งเสริมสหกรณ์และผู้ประกอบการแต่ละขนาดให้มีความสามารถในการแข่งขันอย่างเหมาะสม ตามหลักเกณฑ์ที่อนุกรรมการกลางนมโรงเรียนได้มีการประชุมประชาพิจารณ์ชี้แจงรับฟังคำชี้แนะร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียแล้ว
“จึงใคร่ขอได้ให้ความอนุเคราะห์โปรดพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ดำเนินการ ให้คงไว้ซึ่งหลักเกณฑ์นมโรงเรียนของผู้ประกอบการแต่ละรายสามารถได้สิทธินมโรงเรียนรวมกันทุกกลุ่มไม่เกิน 80 ตัน ตามที่อนุกรรมการกลางโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนได้มีการประชุมประชาพิจารณ์แล้ว เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้มีส่วนได้เสียที่เข้าร่วมประชุม และเป็นไปตามหลักการรัฐธรรมนูญและหลักการยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี หากไม่ปฎิบัติตามที่ประชาพิจารณ์แล้วจะมีประชาพิจารณ์ทำไม และที่พึ่งสุดท้ายที่เข้าพบก็คือ นายกรัฐมนตรี สถานีป้ายต่อไป”
แหล่งข่าววงการค้านม เผยว่า จากการที่ไม่จำกัดเพดาน 80 ตัน/วัน จะทำให้มี 3 โรงที่ได้รับอานิสงค์ ก็คือ อ.ส.ค., สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น และบริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด