สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก โขกราคาขายแพงเว่อร์

07 ก.พ. 2563 | 07:39 น.

พาณิชย์ฟันผู้ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาแล้ว10ราย ส่งดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนขายสูงกว่าความเป็นจริง ชี้แม่ค้าตลาดนัดกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่รอด ขู่เอาผิดค้าออนไลน์ปั่นราคา-สร้างเฟกนิวส์   ดีเดย์ 8 ก.พ.เปิดขายล็อตแรก มั่นใจยังเอาอยู่ ย้ำยังไม่ห้ามส่งออก100%

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และองค์การเภสัชกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนในช่วงที่ไวรัสโคโรนาระบาดว่าหลังจากประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมก็มีประชาชนแจ้งผ่านสายด่วน 1569  ว่ามีผู้ค้าหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือกักตุนสินค้าและปั่นราคาขายสูงกว่าความเป็นจริงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภคซึ่งกรมการค้าภายในได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกไปหาข้อเท็จจริงตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งในเขต กทม. และปริมณฑล ในช่วงระหว่างวันที่ 5 – 6 ก.พ.  2563 รวม 218 ราย ปรากฏว่ามีผู้กระทำผิดตามที่มีการร้องเรียนจริง จำนวน 10 ราย ในเขตพื้นที่ลาดกระบัง ประเวศ ราชเทวี บางรัก พญาไท  สัมพันธวงศ์ และพื้นที่นนทบุรี ในบริเวณตลาดนัดกระทรวงพาณิชย์

โดยพฤติกรรมที่ตรวจสอบมีการขายหน้ากากสูงเกินสมควร สร้างความปั่นป่วนในราคาซื้อขายและมีบางรายมีสินค้าแต่ปฏิเสธการขายแต่จะขายให้ในราคาที่ต้องการคณะตรวจสอบจึงได้จับกุมผู้กระทำความผิดทั้ง 10 ราย ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีในกระทงความผิดเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนราคาขายให้สูงกว่าความเป็นจริง ในมาตรา 2 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

โดยโทษนี้รวมถึงบุคคลที่นำหน้ากากอนามัยไปขายในช่องทางออนไลน์ด้วยซึ่งก็ต้องมาแจ้งข้อมูลเช่นกันและหากพบกระทำความผิดก็จะส่งเจ้าหน้าที่เคลื่อนที่เร็วออกไปตรวจสอบ เนื่องจากขณะนี้พบว่าในโลกโซเชียลมีการโพสต์ขาย โพสต์ขอซื้อหน้ากากอนามัยจำนวนหลายแสนชิ้นต่อรายซึ่งกรมจะรวมกับกองบัญชาการปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี ตรวจสอบผู้ค้าว่าเข้าข่ายหรือไม่ รวมทั้งผู้ที่โพสต์ข่าวเท็จเพื่อปั่นราคาเป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพ และต่างจังหวัด กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการเป็นกรณีเร่งด่วนให้พาณิชย์จังหวัด ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดคณะเคลื่อนที่เร็วออกตรวจสอบผู้มีพฤติกรรมปั่นป่วนราคาขายตามที่มีข้อร้องเรียน และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างจริงจังและเข้มงวดอีกทางหนึ่งด้วย

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

 “เท่าที่มีการตรวจสอบมีการโพสต์หาซื้อหน้ากากอนามัยครั้งละหลายแสนชิ้นอ้างว่าจะนำไปบริจาคหรือทำกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งในและต่างประเทศ แต่เท่าที่มีการตรวจสอบเบื้องต้นกลับพบว่าเป็นการกว้านซื้อเพื่อนำไปขายต่อทำกำไร ถือว่าเข้าข่ายเฟกนิวส์ หรือข่าวปลอม ซึ่งกรมก็จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อคนกลุ่มนี้สร้างความปั่นป่วนสร้างความสับสนให้กับประชาชน” นายวิชัย กล่าว 

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

นายวิชัย กล่าวอีกว่า  เพื่อลดปัญหาการหาซื้อหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือของผู้ที่จำเป็นต้องป้องกันตนเอง จึงขอให้ร้านค้าจัดให้มีปริมาณเพียงพอและจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม หากผู้ซื้อพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องมีการตั้งราคาสูงเกินจริง หรือกักตุนสินค้า ขอให้แจ้งสายด่วน 1569 เพื่อกรมจะได้จัดส่งคณะเคลื่อนที่เร็วออกไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนในทันที

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกับให้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยโดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานศูนย์ เพื่อทำหน้าที้เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ จัดสรร ประสานกับโรงงานผู้ผลิตในการทำให้หน้ากากอนามัยมีเพียงพอกับความต้องการใช้ของประชาชนในประเทศและมีราคาที่เป็นธรรมซึ่งการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวจะทำควบคู่กันไปกับการบังคับใช้พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 หลังประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม โดยการจำกัดปริมาณการส่งออก ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการ มารายงานสต็อก ปริมาณการส่งออก การผลิต ต้นทุน ไปแล้วและขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลซึ่งย้ำว่าการจำกัดปริมาณการส่งออกจะพิจารณาเป็นรายๆไปเพราะเข้าใจดีว่าที่ผ่านมาธุรกิจหน้ากากอนามัยซบเซามานาน เพิ่งมาฟื้นตัวในช่วงที่มีฝุ่นพิษและโรคระบาดเกิดขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากทำให้การส่งออกจากในปี 2562 พุ่งเป็นกว่า 200 ล้านชิ้น หรือ 3 เท่าจากปี 2561 ที่ส่งออกเพียง 70 กว่าล้านชิ้น

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

            ทั้งนี้การพิจารณาจำกัดการส่งออกจะทำไปด้วยความเป็นธรรมหากโรงงานมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไปแล้วก่อนที่ไวรัสจะบาดก็จะอนุโลมให้ส่งออกได้แต่ให้ยอมรับว่าอาจไม่ครบตามจำนวนที่ได้ทำสัญญาไว้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเอกชนที่จะต้องเจรจากับคู่สัญญาและมั่นใจว่าคู่สัญญาจะเข้าใจเพราะขณะนี้ทุกประเทศต่างก็ต้องการให้มีหน้ากากอนามัยพอใช้สำหรับคนในประเทศและบางประเทศ เช่น ไต้หวัน รัฐบาลออกคำสั่งห้ามส่งออก 100% ไปแล้ว ถือว่าเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาด แต่สำหรับไทยยังไม่เห็นขั้นนั้น เพราะเอกชนก็ให้ความร่วมมือในการจัดสรรหน้ากากอนามัยมาจำหน่ายในประเทศอยู่แล้ว

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์

โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดคิกออฟเปิดขายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน เป้าหมาย 10 ล้านชิ้นทั่วประเทศ โดยเริ่มจำหน่ายในวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. 2563 ณ ลานเอนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป และจะกระจายไปทุกอำเภอทั่วประเทศ ผ่านร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพ ในราคา 2.50 – 5 บาท/ชิ้น ตามคุณภาพ โดยเบื้องต้นจะจำหน่าย 2 ล้านชิ้น ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.พ. 2563 และจะทยอยส่งให้ครบตามเป้าหมายภายในเดือนก.พ.นี้โดยในวันนี้(7ก.พ.) ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทหารกรมพลาธิการ ส่งเจ้าหน้าที่ทหารมา 50 นาย เพื่อบรรจุหน้ากากอนามัยแบ่งขาย 10 ชิ้นต่อถุงซึ่งล็อตแรกกำหนดเตรียมไว้จำหน่าย 5 แสนชิ้น

สั่งฟัน 10 ผู้ค้าหน้ากาก  โขกราคาขายแพงเว่อร์