ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

03 ม.ค. 2563 | 12:10 น.

“อุทัย” ชงบอร์ดแผนแม่บทแก้ปัญหายางต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หวังพลิกเปลี่ยนโลกดึงราคายางในประเทศขึ้น

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากกรณีปัญหาราคายางตกต่ำ ยิ่งแก้ไขปัญหาเกษตรกรยิ่งยากจนลงเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ ดังนั้น สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จึงมีมติในการแก้ไขปัญหายางพาราครบวงจรโดยเสนอผ่านนายประพันธ์ บุญยเกียรติ ประธานบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย ไปเมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ใช้พื้นที่จังหวัดระยองนำร่อง (Pilot Project) เพื่อเป็นโมเดล ถ้าประสบความสำเร็จ จึงขยายผลไปทั่วประเทศ จะเป็นการรักษาเสถียรภาพราคายางตามวัตถุประสงค์ของการยางแห่งประเทศไทย มาตรา 8(4)การพัฒนาและการแก้ปัญหายางพาราครบวงจร

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

โดยแบ่งเป็นการแก้ปัญหาต้นน้ำ “ นำเกษตรกรพัฒนา เพิ่มมูลค่าสู่อุตสาหกรรม ” ซึ่ง ตาม พรบ. กยท. มาตรา 36 เกษตรกรมีความประสงค์ ขอรับการสนับสนุนการปลูกแทนตาม พรบ. นี้ให้ยื่นคำขอรับการส่งเคราะห์ตามแบบและวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่ง กยท. มีผู้ขอรับการสงเคราะห์ประมาณ 400,000 ไร่/ปี ถ้าคณะกรรมการกำหนดให้ผู้รับสงเคราะห์โค่นยางเก่าปลูกแทนยางใหม่ จากเดิม 70– 80 ตัน/ไร่ ให้เหลือ 40 ตัน/ไร่ ให้เว้นระยะห่างที่จะปลูกพืชแซมยาง

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

อาทิเช่น เหลียง สับปะรด  กาแฟ กล้วย ฯลฯ และในปีที่สอง ควรปลูกพืชร่วมยาง เช่น ไผ่  สะเดาช้าง กระถินยักษ์  ไม้พยุง ฯลฯ  และสวนยางขนาดเล็กโดยไม่เกิน 15 ไร่ ทาง กยท. ควรขุดสระ 1 ไร่ (โดยไม่ตัดเงินสงเคราะห์) เพื่อเลี้ยงปลา และไก่บนสระ เลี้ยงหมูหลุมรอบสวน เก็บน้ำไว้ใช้กับพืชแซมยาง ก็จะเป็นการแก้ปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งการกรีดยางอย่างเดียว และเป็นการลดจำนวนต้นยางลงเพื่อปรับการผลิตได้ไม่เกินความต้องการใช้ยางของโลก

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

นโยบายการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากลปี 2562 เพราะกระแสการอนุรักษ์และความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ที่ต้องการรับสินค้าที่ไม่ได้มาจากการทำลายป่าธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการก่อตั้งองค์กรเอกชนโดยกลุ่มต่างๆ ทั่วโลกเพื่อให้การรับรองมาตรฐานการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน ซึ่งไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่รับรองมาตราฐานสากล FSC และ PEFC ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับโลก ซึ่งผลผลิตจากสวนยางที่ยังไม่ได้รับการรับรองมาตราฐานสากล อาจจะขายไม่ได้ราคาหรือไม่มีผู้ซื้อ ตลาดแคบลง ระบบตรวจสอบจะเป็นการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันทางการค้าคือใบรับรอง FSC หรือ PEFC ตามเงื่อนไขของประเทศผู้ซื้อ

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ดังนั้น จึงต้องวางระบบมาตรฐานของยางพารา ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ  FSC (Forest Stewardship Council),  PEFC ( Program for the Endorsement of Forest Certification Scheme) มอก.14061  มอก.2861  ISO17025 โดยได้รับความร่วมมือมาจาก สกสว. มอก. FSC ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

สำหรับการส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรจำหน่ายปุ๋ยและวัสดุสังเคราะห์ เนื่องจากปัญหาของ กยท. ที่ผ่านมา  ส่วนกลางจะเป็นผู้ประมูลปุ๋ยมาจ่ายให้ส่วนสงเคราะห์ และถูกร้องเรียนว่าไม่โปร่งใสเกิดการทุจริตกัน และการส่งมอบปุ๋ยไม่ทันตามฤดูกาล เพื่อตัดปัญหา ควรมอบให้เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแต่ละจังหวัดบริหารกันเอง และ กยท. จังหวัด เป็นผู้กำกับดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตในการจัดหาปุ๋ยให้เกษตรกร 

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

นายอุทัย กล่าวว่า ตลาดกลางยางพาราภาคตะวันออก เดิมเป็น สกย. แต่ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3 ปี ทาง สยท. จึงขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ได้เป็นผู้บริหารมา 10 ปีเศษ ซึ่งเป็นตลาดที่ปรับปรุงคุณภาพเป็นยางชั้น 1 – 5 และแยกเป็นราคาแต่ละชั้น (ซึ่งตลาด กยท. 6 ตลาด ชั้น 1 – 3 เป็นราคาเดียวกัน) และตลาดกลางภาคตะวันออกตลอด 10 ปี ที่ อบจ. ระยองบริหารมามีผลกำไรส่วนเกินคืนเกษตรกรประมาณ 500 กว่าล้าน ซึ่งเป็นตลาดกลางที่ได้ราคานำที่สูงสุดในประเทศจึงอยากให้โอนกลับมาให้ กยท. เป็นผู้บริหารเอง เพราะเป็นหน้าที่โดยตรงของ กยท. 

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

“ส่วนการพัฒนากลางน้ำ (ยางก้อนถ้วย) ปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนยางนิยมขายยางก้อนถ้วย ซึ่งในเวลาที่ กยท. ประกาศซื้อขายยางก้อนจะประกาศเป็นราคาขี้ยางจึงทำให้พ่อค้ากดราคาให้ต่ำ ทาง สยท. จึงร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว) ร่วมมือกันพัฒนายางก้อนถ้วยให้เป็นยางเกรดพรีเมียม เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่า “ขี้ยาง” หรือเพื่อปรับให้มีคุณภาพดีขึ้นจึงทำให้ได้ราคาดี กยท.ควรที่จะให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อพัฒนายางก้อนถ้วยหรือน้ำยางสดซึ่งสะอาด นำมาเข้าเครื่องเครปรีด แล้วนำไปอบแดดให้แห้ง ซึ่งจะมีคุณภาพดีกว่ายางแผ่นรมควัน ราคาก็จะเพิ่มขึ้นจะมีการนำยางสดจากเกษตรกรชาวสวนยาง มาผลิตเป็นยางคอมปาวด์เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า (กลางน้ำ)  ซึ่งเป็นการต่อยอดจากผลการวิจัยของ สกสว.”

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ขณะที่การเพิ่มมูลค่ายาง ปลายน้ำ เป็นการเพิ่มมูลค่ายางเพื่อใช้ภายในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งเป็นด้านยุทธศาสตร์ยางพารา 20 ปี มุ่งไปสู่นวัตกรรม 4.0 ซึ่งตาม พรบ. กยท. มาตรา 8 (1)  กยท.จะต้องบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบ อย่างครบวงจร ดังนั้นในการบริหารตั้งแต่ พรบ. กองทุนสงเคราะห์ การทำสวนยาง พ.ศ. 2503 จน 2558 ได้เปลี่ยนมาเป็น พรบ. กยท. จนถึงปี 2562 รัฐบาลไทยมุ่งขายแต่วัตถุดิบ ซึ่งต้องขึ้นกับตลาดล่วงหน้าเป็นผู้กำหนดราคายางมาโดยตลอด แต่ถ้ารัฐบาลสนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนเป็นเกษตรอุตสาหกรรม โดยหันไปสู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง เป็นการเพิ่มมูลค่ายางและเป็นการสร้างงานให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาไปสู่นวัตกรรม 4.0 กยท. ควรสร้างแบรนด์ให้ได้มาตรฐาน มอก. โดยเปลี่ยนจากการส่งวัตถุดิบมาส่งผลิตภัณฑ์ยางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราคายางก็จะเพิ่มขึ้นเอง โดยรัฐบาลไม่จำเป็นจะต้องมาประกันรายได้  กยท. เพียงแต่สนับสนุนเกษตรกรตามมาตรา 49(3)

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ดังนั้น สยท. จึงขอเสนอ ตามนโยบายของ กนย. ขอความร่วมมือ 8 กระทรวงให้ใช้ยางพารา แต่เนื่องจากไม่มีผู้คิดตาม อาทิเช่น ทำถนนยางพาราดิน  ซอยซีเมนต์  ทำบังเกอร์ยาง  กรวยจราจรยาง  หลักถนนทางโค้ง  เขื่อนยาง  ยางปูสระน้ำ ฯลฯ  กนย. ควรมอบหมายให้ กยท. ติดตามงานและรายงานให้ประธาน กนย. ทราบทุกระยะ เพื่อเพิ่มการใช้ยางในประเทศมากขึ้น

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ตามมาตรา 4 สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง หมายความว่า สหกรณ์กลุ่มเกษตรกรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สมาคม เพื่อความคล่องตัวและเดินไปในทิศทางเดียวกันของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง กยท. ควรสนับสนุนให้จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ภายใต้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางและสนับสนุนจัดเป็นรูปเครือข่ายระดับจังหวัด ภูมิภาค และประเทศ เพื่อการบริหารจัดการได้ตาม พรบ. กยท. มาตรา 4 “ผู้ประกอบกิจการยาง” หมายความว่า ผู้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับยางพาราโดน กยท. สนับสนุนเงินทุนมาตรา 49(3) ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ  

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

ตาม พรบ. กยท. มาตรา 10(6) จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือ บริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา ดังนั้น กยท. เมื่อจัดตั้งเครือข่ายอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางทั้งประเทศ โดยเป็นผู้บริหารจัดการทั้งระบบ และมุ่งจัดหาตลาดนำการผลิตควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม ทำให้อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยางมีมาตรฐาน มอก. ชุมชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้โดย กยท. มีหน้าที่ให้ความรู้ด้านอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง จัดหาทุนตามมาตรา 49(3) ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

โดย กยท. จะต้องเป็นผู้รวบรวมผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตราฐาน แพคกิ้งในแบรนด์ กยท. เพื่อจัดจำหน่ายโดยบริษัท กยท. จะมีรายได้จากการบริการจัดการทั้งหมด และในอนาคต เมื่อเกษตกรอุตสาหกรรมเข้มแข็ง และรวมตัวกันทำผลิตภัณฑ์ยางที่มีคุณภาพในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของชาวโลก อาทิ  โครงการพัฒนาชาววสวนยางสู่เกษตรกรผู้ประกอบการแปรรูปยาง (Rubber Product Startup)  โครงการนำร่อง โรงเรียนยางพาราทางอากาศ  โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และการยางแห่งประเทศไทย  จากนั้นให้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาการวิจัยและสร้างนวัตกรรมด้านยางพารา ต้นน้ำ  กลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารา

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

สรุปในการดำเนินการมาทั้ง 6 ข้อ ทางสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยยท) และสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท) ได้สร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง โดยเฉพาะที่จังหวัดระยอง วิสาหกิจชุมชนอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง  ได้ดำเนินการมาแล้วและทั้ง 6 ข้อก็ได้ดำเนินการมาทั้งหมด เพียงแต่ยังไม่ได้เอามาร้อยรวมกันจาก ต้นน้ำ  กลางน้ำและปลายน้ำ เพียงแต่ถ้าการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตาม พรบ. กยท. มาตรา 8(1)

ผุดแผนแม่บทแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

กยท. เป็นองค์การกลางรับผิดชอบดูและการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบของประเทศไทยอย่างครบวงจร และเพื่อให้การดำเนินการให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับประโยชน์และพึ่งตนเอง ควรสนับสนุนในการศึกษาวิจัยเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการยางพาราอย่างเป็นระบบครบวงจร ควรใช้เงิน Cess ที่เก็บจากการส่งออกยางมาใช้ในการวิจัยตามมาตรา 49(4) ซึ่งทางจัวงวัดระยองมีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำเสนอโจทย์ให้นักวิชาการไปวิจัย เพื่อให้ตรงกับความต้องการของเกษตรกรและเป็นโครงการนำร่อง (Pilot Project) ทาง สยท. จึงขอทบทวนการให้นโยบายในวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ที่ประธานบอร์ด กยท. ได้มอบนโยบายการบริหารงาน โดยเน้นย้ำ กยท. “คือองค์กรชั้นนำด้านยางพารา พร้อมทำงานเคียงข้างใกล้ชิดเกษตรกร”