นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในปี 2563 กรมจะจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 0% หรือ เบียร์ 0% เพราะไม่ต้องการให้มีนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาได้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข พบว่าเบียร์ 0% ในมุมมองของผู้บริโภค จัดว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทหนึ่งแต่ยังไม่มีพิกัดภาษี ที่จะเข้าไปจัดเก็บให้ถูกต้อง และยังพบว่ามีการแจกตัวอย่างทดลองให้ดื่มในสถานศึกษา ขณะที่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปกติไม่สามารถทำได้ ทำให้ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะผู้ผลิตแจ้งว่าไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ในปัจจุบันกรมได้จัดทำพิกัดและอัตราภาษีเบียร์ 0% ไว้ทั้งหมดแล้ว โดยในหลักการจะต้องจัดเก็บสูงกว่าภาษีเครื่องดื่มทั่วไปที่ 14% แต่จะไม่เท่ากับอัตราภาษีเบียร์ที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบันที่เก็บอยู่ที่ 22% จากปริมาณแอลกอฮอล์ โดยหลังจากนี้กรมจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อนที่จะประกาศกฎกระทรวงเพื่อบังคับใช้ต่อไป โดยประกาศดังกล่าวจะรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องแต่เป็นนวัตกรรมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์อัดเม็ด ที่ยังไม่เคยมีพิกัดภาษีด้วย
นายพชร ยืนยันหากมีการจัดเก็บภาษีเบียร์ 0% ก็จะไม่กระทบกับราคาขายปลีก เนื่องจากปัจจุบัน เบียร์ 0% มีการวางขายในราคาเดียว หรือ ใกล้เคียงกับเบียร์ปกติ ทั้งๆ ที่เสียภาษีต่ำกว่า ทำให้มีกำไรมาก ดังนั้นถ้ามีการจัดเก็บภาษี ราคาขายจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องปรับขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีความเค็ม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุข ประกาศค่ามาตรฐานปริมาณความต้องการบริโภคโซเดียมต่อวันอัตราที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะประกาศภายในปี 2563 ก่อนที่กรมสรรพสามิตจะมากำหนดพิกัดอัตราภาษีความเค็มที่เหมาะสม เบื้องต้นอัตราที่จัดเก็บจะไม่สูงมากเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่านให้กับผู้ประกอบการปรับตัวเหมือนกับภาษีความหวานไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งขณะนี้แม้จะยังไม่มีการเก็บภาษี แต่เริ่มเห็นทิศทางผู้ประกอบการเริ่มปรับลดปริมาณโซเดียมในสินค้าบางรายการแล้ว