ยกเครื่องโมเดลธุรกิจใหม่สู่ผู้ค้าส่งนาฬิกายักษ์ใหญ่ของไทย ปักหมุดเยาวราชปั้น“วอตช์ฮับ” พร้อมทุ่มงบวางระบบค้าส่งออนไลน์ ก่อนส่งต่อโมเดลแฟรนไชส์สมาร์ทวอตช์น้องใหม่ “เพนกวินรัน” เจาะตลาดสปอร์ตแมน
นายอริชัย พนาวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท โทเคยะ จำกัด ศูนย์ค้าส่งนาฬิการายใหญ่ “โทเคยะ วอทช์ฮับ” เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีนโยบายในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์โทเคยะให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจทำธุรกิจมากขึ้นโดยใช้งบลงทุนกว่า10 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจจัดจำหน่ายสินค้าประเภทนาฬิกา รวมถึงผู้ค้าออนไลน์ที่ต้องการหาสินค้าไปขยายธุรกิจออนไลน์ของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของฐานลูกค้าที่มีอยู่กว่า 250 รายในปัจจุบัน แบ่งเป็นงบ 7-8 ล้านบาท สำหรับเปิดศูนย์ค้าส่งแห่งใหม่ในชื่อ “โทเคยะวอทช์ฮับ” ในย่าเยาวราช เพื่อเป็นศูนย์รวมและขายส่งนาฬิการายใหญ่ในไทย พื้นที่กว่า 1,200 ตร.ม.แบ่งเป็นโซนพื้นที่ขาย 600 ตร.ม. โดยมีการตกแต่งหน้าร้านให้สามารถสัมผัส ทดลองสวมใส่นาฬิกาได้จริง จากที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ไม่กล้าทดลองขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่สต๊อกสินค้า พื้นที่รองรับบริการลูกค้า
“ภายในร้านมีนาฬิกากว่า 10 แบรนด์และมีสินค้ากว่า 1 หมื่นรายการให้เลือกซื้อ มีทั้งนาฬิกาแฟชั่น และสมาร์ทวอตช์ โดยเราวางเป้าสร้างสาขานี้เพื่อให้เป็นที่รู้จักเนื่องจากศูนย์ขายส่ง การขยายสินค้าอาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้า เนื่องจากจะมีภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายมากขึ้น การบริการจัดการก็ยากขึ้น ทำให้บริษัทจะหันมาพัฒนาระบบออนไลน์และระบบหลังบ้านเพื่อตอบโจทย์แทน”
พร้อมกันนี้ยังเตรียมเปิดตัวโมเดลแฟรนไชส์ร้านนาฬิกาสปอร์ต ในชื่อ “เพนกวินรัน” ในรูปแบบคีออส เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งการเดินมากขึ้นเบื้องต้นปัจจุบันมีร้านโมเดลต้นแบบอยู่ในสาขาโทเคยะ วอทช์ฮับ เยาวราช โดยเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมองเห็นโอกาสจากกระแสการรักสุขภาพที่มาแรงทำให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น จึงขยายไลน์สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการออกกำลังกายมาจำหน่ายในร้านเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ นาฬิกา Smart Watch และ นาฬิกาออกกำลังกายประเภท Sport Watch ทั้ง TicWatch Garmin และ Suunto รวมถึง แว่นตาออกกำลังกาย หูฟัง และ ชุดออกกำลังกาย เป็นต้น
ขณะที่แผนงานเฟส 2 บริษัทจะพัฒนาโทเคยะ วอทช์ฮับ ให้เป็น “ศูนย์สนับสนุนผู้ค้าออนไลน์” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีมากขึ้น ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง อาหารเสริม กระเป๋าแฟชั่นจำนวนมาก แต่มองว่าผู้ค้าส่วนใหญ่ก็ต้องการไลฟ์สดเพื่อจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ที่เป็นแบรนด์ที่ถูกต้อง มีไลเซนส์ในการจำหน่าย และถูกลิขสิทธิ์แต่ยังหาร้านค้าส่งที่ได้รับสิทธิ์อย่างถูกต้องไม่ได้ ตรงนี้เองบริษัทจึงมีแผนในการเข้าไปพัฒนาและสร้างการรับรู้ในผู้ที่สนใจ โดยจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
“การตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนลูกค้าให้สามารถซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างจริงจัง ผ่านระบบการสั่งซื้อสินค้าโดยลูกค้าไม่ต้องสต๊อกสินค้า และสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้ทันที เพื่อต่อยอดธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนของการจำหน่ายหน้าร้านในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 80%และออนไลน์ 20% แต่หลังจากเดินหน้าพัฒนาช่องทางขายออนไลน์คาดว่าในครึ่งปีหลัง จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าขายส่งผ่านช่องทางออนไลน์เท่ากับการขายผ่านหน้าร้านหรืออยู่ที่ 50:50”
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปีด้วยการมีรายได้ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 50 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายที่มาจากแบรนด์ที่มีการทำตลาดอย่างชัดเจนอย่าง คาสิโอ, ซิติเซน 70-80%,นาฬิกาแฟชั่น และนาฬิกาเด็ก 5-10% กลุ่มนาฬิการะดับบนเช่น ไซโก้ ฯลฯ 5%
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3466 ระหว่างวันที่ 2 - 4 พฤษภาคม 2562