เปิดแนวรบ‘RS’ ชู MPC หัวหอกโกย5,000ล้าน

เปิดแนวรบ “อาร์เอส” ชู 3 กลยุทธ์ “สินค้า-พันธมิตร-แพลตฟอร์ม” เดินหน้าปั้มรายได้ทะลุ 5,000 ล้าน ชูธุรกิจ MPC หัวหอกหลัก พร้อมทุ่มงบกว่า 360 ล้านพัฒนาอุปกรณ์บรอดแคสต์ และเพิ่มคลังสินค้า



เมื่อทิศทางทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จากในอดีตที่เป็นธุรกิจเพลงมาสู่ธุรกิจพาณิชย์เต็มรูปแบบ และล่าสุดในปี 2562 อาร์เอสได้ประกาศจะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุด พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้ารายได้รวมทั้งกลุ่มกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จะทำให้รายได้ดังกล่าวเป็นรายได้สูงสุดในรอบ 37 ปีของอาร์เอส และสัดส่วนรายได้กว่า 60% มาจากกลุ่มธุรกิจ MPC

ทั้งนี้เมื่อย้อนหลังไปสำรวจผลประกอบการช่วงที่ผ่านมาอาร์เอสยังคงดำเนินธุรกิจสื่อ จัดจำหน่ายเพลง รับจ้างและผลิตกิจกรรมอื่นๆ จนกระทั่งในปี 2559 อาร์เอสได้เริ่มจับธุรกิจสินค้าและบริการสุขภาพและความงามขึ้น ซึ่งในปีแรกที่อาร์เอสเริ่มต้นจับกลุ่มธุรกิจเพื่อความงาม มีรายได้ราว 200 ล้านบาทเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2560 อาร์เอสได้เปลี่ยนความคิดจากการเป็นธุรกิจขายเพลง สู่ธุรกิจค้าปลีกเต็มรูปแบบจนทำให้ปี 2561 อาร์เอสมีรายได้ขยับเพิ่ม 2,126 ล้านบาท ล่าสุด “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยถึงทิศทางและก้าวต่อไปของอาร์เอส

[caption id="attachment_391530" align="aligncenter" width="473"] ดามพ์ นานา[/caption]

นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปีนี้อาร์เอสพยายามผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 5,000 ล้านบาท โดยขับเคลื่อนธุรกิจพาณิชย์ (Multi-Platform Commerce หรือ MPC) เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 50-60% แต่ในสิ้นปีนี้บริษัทได้วางเป้าขยับสัดส่วนกลุ่มธุรกิจ MPC ขึ้นเป็น 70% พร้อมทั้งวางแผนธุรกิจเพิ่มสินค้า ขยายแพลตฟอร์ม และร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพิ่ม

[caption id="attachment_393704" align="aligncenter" width="503"] Tv Screen MG NW 1920x1080 CR 081160[/caption]

สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ในด้านของสินค้าและบริการ อาร์เอสจะเพิ่มสินค้าให้มากขึ้นทั้ง 3 กลุ่มประเภทสินค้า ได้แก่ สินค้าสุขภาพและความงาม ไลฟ์สไตล์ และเครื่องประดับต่างๆ จากปัจจุบันมีสินค้ารวม 100 SKU แต่จากการสำรวจช่วงที่ผ่านมาพบว่าสินค้าดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดและผู้บริโภคในปัจจุบัน ดังนั้นอาร์เอสจึงวางแผนเพิ่มสินค้าทั้ง 3 กลุ่มเป็น 200 SKU ในปีนี้ อีกทั้งยังได้มีเป้าหมายร่วมทุนกับพันธมิตรโรงงานธุรกิจสินค้าสกินแคร์ในประเทศเพื่อผลิตสินค้าเพิ่มเติมและผลิตสินค้าให้อาร์เอสได้สมํ่าเสมอ

 

ขณะเดียวกันอาร์เอสยังต้องมองหาพันธมิตรรายใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจมีเดียด้วยกัน โดยเป็นช่องทีวีดิจิทัลที่มีฐานผู้ชมแตกต่างจากช่อง 8 เพื่อกระจายสินค้าของกลุ่มอาร์เอสไปยังแพลตฟอร์มใหม่ๆที่แตกต่างเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าแมสให้มากขึ้น และเตรียมเพิ่มคอลล์เซ็นเตอร์เป็น 1,000 คนจากปัจจุบันที่มีอยู่ 500 คนเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาอาร์เอสพบว่าการขายโดยผ่านคอลล์เซ็นเตอร์เป็นวิธีการขายที่ดีและได้ผล ซึ่งในจำนวนลูกค้าที่คอลล์เซ็นเตอร์โทร.หาจะมีสัดส่วนราว 25% ที่สามารถปิดยอดการขายได้

“ย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปี ก่อนเฮีย (เฮียฮ้อ -สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) และบอร์ดผู้บริหารทุกคนถูกปลูกฝังให้ต้องคิดธุรกิจแบบนอกกรอบ ประกอบกับธุรกิจมีเดียมีแนวโน้มไม่เติบโตหรือไม่สามารถสร้างรายได้หรือกำไรเท่าไรนัก เนื่อง จากมีเม็ดเงินโฆษณาก้อนเดียวกัน แต่มีผู้เล่นทีวีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดการแข่งขันรุนแรง และอำนาจการต่อรองรายได้โฆษณาลดลง อาร์เอสจึงต้องปรับตัวทำธุรกิจใหม่และเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจ MPC เต็มรูปแบบ และจากในอดีตวันนั้นจนวันนี้ รายได้กลุ่มธุรกิจ MPC ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ปัญหาหรืออุปสรรคการดำเนินงานสามารถแก้ได้ง่ายกว่า รวมถึงรายได้ที่เข้ามาปัจจุบันสามารถทดแทนรายได้จากโฆษณาเมื่อ 5 ปีก่อนได้แล้ว ดังนั้นธุรกิจ MPC จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนให้อาร์เอส”



อย่างไรก็ตามอาร์เอส ยังคงไม่ทิ้งธุรกิจสื่อ เนื่องจากเป็นสื่อของอาร์เอสเองซึ่งเปรียบเสมือนร้านค้าของอาร์เอสขณะเดียวกันช่อง 8 ยังเป็นหัวหอกสำคัญ บริษัทมองว่าในช่วงเฟสแรก อาร์เอสจะเน้นการสร้างฐานลูกค้า โดยสร้างกำไร และรายได้ผ่านการขายสินค้าบนช่องทางสื่อโทรทัศน์ ขณะที่เฟสที่ 2 บริษัทจะเน้นสร้างแบรนด์สินค้าของอาร์เอสเอง และมุ่งเน้นการขยายแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งรูปแบบการขายผ่านออนไลน์ ดิสตริบิวเตอร์ และขายตรง ทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเริ่มจากอาเซียนก่อน เป็นต้น”



ในปีนี้บริษัทยังได้วางแผนใช้งบลงทุนราว 360 ล้านบาทเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ด้านบรอดแคสต์ 50% และเพิ่มคลังสินค้าใหม่อีก 1 คลัง 50% รวมทั้งพัฒนาด้านข้อมูล Big Data ให้มากขึ้นเพื่อการพัฒนาและการขายให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาอาร์เอสพบว่า ความชอบและความต้องการสินค้าของลูกค้าแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นข้อมูล Big Data จึงจำเป็นที่จะทำให้อาร์เอสวางแผนกลยุทธ์การขายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ปัจจุบันอาร์เอสมีรายได้รวม 3,826.7ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% ซึ่งธุรกิจ MPC ยังทำรายได้และผลกำไร โดดเด่น โดยสามารถทำรายได้ทั้งปีแตะ 2,126.8 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วน ของธุรกิจสื่อ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 30% โดยมีรายได้ 1,344.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 35.1% ของรายได้รวม ซึ่งช่อง 8 ยังเป็นหัวหอกสำคัญ

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,446 ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2562