Play
'สกนธ์' ลั่นลบภาพ "เสือกระดาษ" แก้ผูกขาดการค้า
นายกรัฐมนตรีได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ชุดใหม่ ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2561 โดยมี นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์และนักวิชาการเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การแข่งขันทางการค้าชุดใหม่ เริ่มต้นปี 2562 มาก็ลุยปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่รอช้า
[caption id="attachment_382826" align="aligncenter" width="503"]
นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา[/caption]
➣ จัดองค์กร-สร้างกติกาใหม่
นายสกนธ์ เผยในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภารกิจเร่งด่วนที่คณะกรรมการจะต้องดำเนินการให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือนนับจากนี้ มีหลายเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดแผน กลยุทธ์ และแนวทางการบริหารของสำนักงานการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ซึ่งมีที่ตั้ง ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เบื้องต้น มีบุคลากรมาปฏิบัติหน้าที่แล้วประมาณ 110 คน ส่วนหนึ่งโอนย้ายมากระทรวงพาณิชย์ อีกส่วนหนึ่งต้องเปิดรับใหม่ เป้าหมายมีเจ้าหน้าที่ประจำ 200-300 คน ซึ่งจะพยายามไม่ให้องค์กรใหญ่เกินไป โดยจะแบ่งออกเป็น 7 ฝ่าย รวม 21 สำนัก เช่น ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมตลาด ฝ่ายบริหาร ฝ่ายพัสดุ และอื่น ๆ
ต่อมา คือ จะดึงผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์จากหลากหลายสาขามาร่วมเป็นคณะอนุกรรมการอีกหลายคณะ เพื่อช่วยปฏิบัติหน้าที่ในหลายด้าน เช่น คณะอนุกรรมการเรื่องการทำกฎกติกาการค้า อนุกรรมการด้านการระเบียบวิธีการการควบรวมกิจการ คณะอนุกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.การแข่งขันฯ ที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม ตามที่มีผู้ร้องเรียน รวมถึงการทำงานเชิงรุก โดยการเฝ้าดูและติดตามพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า ตั้งแต่ระดับรายเล็กรากหญ้าไปจนถึงรายใหญ่ระดับประเทศ ธุรกิจจากต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่ไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรี หรือ มีกฎหมายเฉพาะ
➣ ทบทวนนิยามเหนือตลาด
"นอกจากนี้ จะมีออกกฎกติกาใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย ทันกับการค้าและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กฎกติกาการค้าปลีก กฎกติกาในการควบรวมธุรกิจ กฎกติกาเรื่องของอิทธิพลเหนือตลาด ว่า จะต้องลักษณะหน้าตาแบบไหน เพราะนิยามเดิมผู้มีอำนาจเหนือตลาด หมายถึง ผู้ประกอบการที่มียอดขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท หรือ ผู้ประกอบการ 3 รายแรกในธุรกิจ มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันตั้งแต่ 75% ขึ้นไป และใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม จากการกำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข แทรกแซงการประกอบธุรกิจของรายอื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งคำนิยามผู้มีอำนาจเหนือตลาดข้างต้นคงไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำธุรกิจยุคใหม่ที่หลากหลายและมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น คณะทำงานจะมีการทบทวนและปรับปรุงบทนิยามต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน ครอบคลุม และง่ายต่อการเข้าใจ"
ทางสำนักงานอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานราชการและเอกชน เช่น กระทรวงพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย เครดิตบูโร เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูล (บิ๊กดาต้า) ในการกำกับดูแลและติดตามพฤติกรรมการแข่งขันทางการค้าของภาคธุรกิจให้เกิดความเป็นธรรม เป้าหมายหลัก คือ ป้องปรามในเบื้องต้น หากไม่เชื่อฟังและยังทำพฤติกรรมจะใช้มาตรการปราบปรามการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. ปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการพิจารณากว่า 10 เรื่อง ซึ่งจะเร่งดำเนินการพิจารณาให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
"ที่ผ่านมา คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าในกฎหมายฉบับเดิมถูกปรามาส ว่า เป็น "เสือกระดาษ" เพราะมีกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2542 แต่ไม่สามารถนำผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษได้แม้แต่รายเดียว จากต้องรอพึ่งศาลตัดสินอย่างเดียว แต่ครั้งนี้ได้ให้อำนาจคณะกรรมการพิจารณาและสามารถตัดสินในเบื้องต้นได้เลยว่า ไม่ผิด หรือ ผิดมาตราอะไร อยู่ในข่ายโทษทางอาญา หรือ โทษทางปกครองอย่างไร ทำให้ขบวนการสั้นลง จากนี้ไปความเป็นเสือกระดาษจะต้องไม่มี และมั่นใจจะมีกรณีการตัดสินและลงโทษผู้ที่ทำผิดให้ได้เห็นแน่นอน"
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,441 วันที่ 3 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
[caption id="attachment_382826" align="aligncenter" width="503"]
➣ จัดองค์กร-สร้างกติกาใหม่
นายสกนธ์ เผยในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภารกิจเร่งด่วนที่คณะกรรมการจะต้องดำเนินการให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือนนับจากนี้ มีหลายเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดแผน กลยุทธ์ และแนวทางการบริหารของสำนักงานการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ซึ่งมีที่ตั้ง ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เบื้องต้น มีบุคลากรมาปฏิบัติหน้าที่แล้วประมาณ 110 คน ส่วนหนึ่งโอนย้ายมากระทรวงพาณิชย์ อีกส่วนหนึ่งต้องเปิดรับใหม่ เป้าหมายมีเจ้าหน้าที่ประจำ 200-300 คน ซึ่งจะพยายามไม่ให้องค์กรใหญ่เกินไป โดยจะแบ่งออกเป็น 7 ฝ่าย รวม 21 สำนัก เช่น ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมตลาด ฝ่ายบริหาร ฝ่ายพัสดุ และอื่น ๆ
ต่อมา คือ จะดึงผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์จากหลากหลายสาขามาร่วมเป็นคณะอนุกรรมการอีกหลายคณะ เพื่อช่วยปฏิบัติหน้าที่ในหลายด้าน เช่น คณะอนุกรรมการเรื่องการทำกฎกติกาการค้า อนุกรรมการด้านการระเบียบวิธีการการควบรวมกิจการ คณะอนุกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.การแข่งขันฯ ที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม ตามที่มีผู้ร้องเรียน รวมถึงการทำงานเชิงรุก โดยการเฝ้าดูและติดตามพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า ตั้งแต่ระดับรายเล็กรากหญ้าไปจนถึงรายใหญ่ระดับประเทศ ธุรกิจจากต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่ไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรี หรือ มีกฎหมายเฉพาะ
➣ ทบทวนนิยามเหนือตลาด
"นอกจากนี้ จะมีออกกฎกติกาใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย ทันกับการค้าและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กฎกติกาการค้าปลีก กฎกติกาในการควบรวมธุรกิจ กฎกติกาเรื่องของอิทธิพลเหนือตลาด ว่า จะต้องลักษณะหน้าตาแบบไหน เพราะนิยามเดิมผู้มีอำนาจเหนือตลาด หมายถึง ผู้ประกอบการที่มียอดขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท หรือ ผู้ประกอบการ 3 รายแรกในธุรกิจ มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันตั้งแต่ 75% ขึ้นไป และใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม จากการกำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข แทรกแซงการประกอบธุรกิจของรายอื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งคำนิยามผู้มีอำนาจเหนือตลาดข้างต้นคงไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำธุรกิจยุคใหม่ที่หลากหลายและมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น คณะทำงานจะมีการทบทวนและปรับปรุงบทนิยามต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน ครอบคลุม และง่ายต่อการเข้าใจ"
ทางสำนักงานอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานราชการและเอกชน เช่น กระทรวงพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย เครดิตบูโร เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูล (บิ๊กดาต้า) ในการกำกับดูแลและติดตามพฤติกรรมการแข่งขันทางการค้าของภาคธุรกิจให้เกิดความเป็นธรรม เป้าหมายหลัก คือ ป้องปรามในเบื้องต้น หากไม่เชื่อฟังและยังทำพฤติกรรมจะใช้มาตรการปราบปรามการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. ปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการพิจารณากว่า 10 เรื่อง ซึ่งจะเร่งดำเนินการพิจารณาให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
"ที่ผ่านมา คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าในกฎหมายฉบับเดิมถูกปรามาส ว่า เป็น "เสือกระดาษ" เพราะมีกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2542 แต่ไม่สามารถนำผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษได้แม้แต่รายเดียว จากต้องรอพึ่งศาลตัดสินอย่างเดียว แต่ครั้งนี้ได้ให้อำนาจคณะกรรมการพิจารณาและสามารถตัดสินในเบื้องต้นได้เลยว่า ไม่ผิด หรือ ผิดมาตราอะไร อยู่ในข่ายโทษทางอาญา หรือ โทษทางปกครองอย่างไร ทำให้ขบวนการสั้นลง จากนี้ไปความเป็นเสือกระดาษจะต้องไม่มี และมั่นใจจะมีกรณีการตัดสินและลงโทษผู้ที่ทำผิดให้ได้เห็นแน่นอน"
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,441 วันที่ 3 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
