ทุ่มงบ "สิ่งแวดล้อมอีอีซี" หมื่นล้าน! 4 ปี ดัน 86 โครงการ เปิดเอกชนร่วมลงทุนศูนย์กำจัดขยะ 4 พันล้าน

กบอ. ไฟเขียวร่างแผนสิ่งแวดล้อมในอีอีซี ชง "ประยุทธ์" 23 ม.ค. 62 เห็นชอบ 4 ปี ภาครัฐทุ่มงบประมาณ 9.29 พันล้านบาท และเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนอีก 4.27 พันล้านบาท ใน 86 โครงการ โดยปีหน้าเร่งเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย จ.ฉะเชิงเทรา อ.บางละมุง และ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กบอ. เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบในร่างแผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพื่อจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 23 ม.ค. 2562

ทั้งนี้ แผนดังกล่าวจะแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งการดำเนินงานในระยะแรก ช่วงปี 2561-2564 ได้กำหนดกรอบแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อีอีซี ที่เน้น 4 ยุทธศาสตร์ 11 มาตรการ และ 79 แนวทางการปฏิบัติจัดการสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ยุทธศาสตร์การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ยุทธศาสตร์การส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชนน่าอยู่ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ




โดยจะมีแผนปฏิบัติการและโครงการเร่งด่วนในช่วง 4 ปีนี้ จำนวน 86 โครงการ วงเงิน 13,572 ล้านบาท ซึ่งจะขอรับจัดสรรงบประมาณจากรัฐรวม 9,298 ล้านบาท และงบการให้เอกชนดำเนินการ หรือร่ วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) จำนวน 4,273 ล้านบาท ซึ่งแบ่งแผนการดำเนินงาน ได้แก่ 1.จัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี 27 โครงการ งบประมาณ 5,113 ล้านบาท และจะให้เอกชนดำเนินการร่วมทุน (พีพีพี) 4,273 ล้านบาท 2.การส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชนน่าอยู่ 14 โครงการ งบประมาณ 417.7 ล้านบาท 3.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 8 โครงการ งบประมาณ 134.15 ล้านบาท 4.บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ 37 โครงการ งบประมาณ 3,633.5 ล้านบาท

นายอุตตม กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการเร่งด่วนที่จะดำเนินงานในปี 2562-2564 จะแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 กลุ่ม วงเงินรวม 8,555 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มแรกเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน วงเงิน 8,230 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 1.โครงการก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบผสมผสาน จ.ฉะเชิงเทรา เงินลงทุน 1,073.8 ล้านบาท ที่ภาครัฐจะร่วมลงทุนกับเอกชน 2.โครงการก่อสร้างศูนย์กำจัดมูลฝอย จ.ฉะเชิงเทรา ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนวงเงิน 145.8 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างศูนย์กำจัดมูลฝอยติดเชื้อ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว และสมุทรปราการ ภาครัฐลงทุนวงเงิน 357 ล้านบาท

4.โครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย cluster 2 จ.ชลบุรี ในพื้นที่ อ.บางละมุง และ อ.สัตหีบ ภาครัฐร่วมลงทุนกับเอกชน วงเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท 5.โครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย เกาะล้าน จ.ชลบุรี โดยจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนวงเงิน 200 ล้านบาท 6.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดนํ้าเสียเมืองพัทยา (ซอยวัดหนองใหญ่) ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนวงเงิน 1,094 ล้านบาท

7.โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและระบบบำบัดนํ้าเสียรวม อ.ปลวกแดง โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (อบจ.) เป็นผู้ลงทุนวงเงิน 960 ล้านบาท และ 8.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการนํ้าเสียในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จ.ระยอง ครอบคลุม 8 ตำบล ในพื้นที่มาบตาพุด อบจ.ระยอง เป็นผู้ลงทุนวงเงิน 1,400 ล้านบาท

 

[caption id="attachment_361267" align="aligncenter" width="335"] [/caption]

ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นเรื่องการเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมและการฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติในอนาคต ประกอบด้วย 6 โครงการ วงเงิน 324.7 ล้านบาท ได้แก่ โครงการจัดทำประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่สีเขียว โครงการพัฒนาป่าชุมชน โครงการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ โครงการเสริมสร้างการท่องเที่ยวทางทะเลระยอง และโครงการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,427 วันที่ 16-19 ธันวาคม 2561