Play
‘ตลาดข้าวถุง’แข่งดุหงษ์ทองปรับแผนสู้
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
“หงษ์ทอง” ปรับแผนสู้ตลาดข้าวถุงแข่งดุ เปิดตัวข้าวสุขภาพและข่าวต้นฤดูบุกตลาดโค้งท้าย หลังยอดขาย 10 เดือนแรกพลาดเป้าเล็กน้อย พร้อมเปิดแผนปีหน้าเดินเครื่องพัฒนาระบบหลังบ้านทั้ง โลจิสติกส์, การผลิต และแพ็กเกจจิ้ง พร้อมคลอดสินค้าใหม่บุกตลาดต่อเนื่อง
นายกัมปนาท มานะธัญญา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย “ข้าวหงษ์ทอง” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ในด้านปริมาณมีการ เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กำไรมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อยเช่นกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาข้าวที่สูงขึ้นจากปีก่อน 20-25% ทำให้ช่วง 2 เดือนที่เหลือบริษัทต้องทำการตลาดเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ ในกลุ่มข้าวสุขภาพคือ ข้าวกล้องหอมใหม่ขนาด 5 กิโลกรัมและข้าวกล้อง Zuper Rice ขนาด 1 กิโลกรัม เพื่อผลักดันยอดขายในช่วงโค้งท้ายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากที่บริษัทได้เปิดข้าวใหม่ต้นฤดูออกมาวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ และเปิดตัวในช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee , Lazada ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยสามารถสร้างการเติบโตจากปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น เท่าตัว
[caption id="attachment_358133" align="aligncenter" width="335"]
กัมปนาท มานะธัญญา[/caption]
ล่าสุดบริษัทจึงได้ต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวด้วยการเปิดตัวข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู รุ่น Limited Edition #2 ซึ่งพิเศษตรงที่เป็นข้าวจากโครงการนาหยอดเพียง 4 หมื่นไร่ ที่ดูแลตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูก ต้องเป็นเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนจำกัด และ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียว ออกมารองรับความต้องการในท้องตลาด
“หลังจากเปิดตัวข้าวใหม่ต้นฤดูในช่องทางออนไลน์ เราสามารถสร้างยอดขายผ่านแคมเปญ 11:11 วันเดียวมากกว่า 1.5 หมื่นถุง ซึ่งเป็นกระแสตอบรับที่ดีมาก ดังนั้นเราจึงต่อยอดความต้องการของท้องตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่น 2 ต่อเนื่อง โดยวางแผนเพิ่มจากปีที่แล้วจาก 2 แสนถุงเป็น 4 แสนถุง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดควบคู่กับเพิ่มการทำกิจกรรม ณ จุดขายที่ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง เพื่อให้ลูกค้าที่สะดวกทางออฟไลน์ ได้จับจ่ายในราคาโปรโมชันเช่นกัน”
ด้านการแข่งขันในตลาดข้าวถุงปีหน้ามองว่าสถานการณ์ด้านต้นทุนราคาข้าวหอมมะลิจะยังคงไม่ลดลง ซึ่งภาพรวมตลาดจะมีความใกล้เคียงกับปีนี้หรือบางช่วงอาจจะมีราคาที่สูงกว่า ซึ่งจะทำให้ดึงราคาข้าวอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นปีหน้าคาดว่าตลาดข้าวบรรจุถุงน่าจะแข่งขันกันที่ข้าวเกรดรองๆ เพราะกำลังซื้อของลูกค้ายังไม่มีแนวโน้มที่ไม่ดีไปกว่าเดิม ซึ่งปกติตลาดข้าวบรรจุถุงก็เติบโตปีละไม่เกิน 5%
ทั้งนี้สำหรับแผนงานของบริษัทเพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดข้าวถุงปีหน้า บริษัทจะยังคงดำเนินงานตามแผนของปีนี้ในเรื่องระบบการบริหาร Logistic เพื่อช่วยลดต้นทุน ขณะที่ในส่วนของการผลิตได้ใช้งบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาทเปิดสายการผลิตใหม่นำเครื่องจักร Robot มาใช้เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยไม่ลดจำนวนพนักงานแต่ไม่ได้รับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีการขยายตลาดออนไลน์เพิ่มเติมมากขึ้น หลังจากปีนี้บริษัทได้มีการนำร่องขยายตลาดในช่องทางออนไลน์และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสามารถเติบโตจากปี 2560 มากกว่า 500% ทำให้บริษัทต้องเตรียมพร้อมระบบหลังบ้านทั้งการแพ็กกิ้งและการจัดส่งเพื่อรองรับการเติบโตของปี 2562 มากกว่าเท่าตัว
“นอกจากในเรื่องของการผลิตแล้วในปีหน้าเราจะยังคงเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคข้าวหงษ์ทอง มีทางเลือกที่มากขึ้น โดยสินค้าใหม่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น ผ่านสินค้าที่หลากหลาย”
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ตลาดข้าวบรรจุถุงที่ยังคงผันผวนและมีการแข่งขันสูง ทำให้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในปีหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 5% หรือคิดเป็นยอดขายรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตมาจากการเปิดตัวสินค้าใหม่
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,425 ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2561
นายกัมปนาท มานะธัญญา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย “ข้าวหงษ์ทอง” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ในด้านปริมาณมีการ เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กำไรมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อยเช่นกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาข้าวที่สูงขึ้นจากปีก่อน 20-25% ทำให้ช่วง 2 เดือนที่เหลือบริษัทต้องทำการตลาดเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ ในกลุ่มข้าวสุขภาพคือ ข้าวกล้องหอมใหม่ขนาด 5 กิโลกรัมและข้าวกล้อง Zuper Rice ขนาด 1 กิโลกรัม เพื่อผลักดันยอดขายในช่วงโค้งท้ายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากที่บริษัทได้เปิดข้าวใหม่ต้นฤดูออกมาวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ และเปิดตัวในช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee , Lazada ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยสามารถสร้างการเติบโตจากปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น เท่าตัว
[caption id="attachment_358133" align="aligncenter" width="335"]
ล่าสุดบริษัทจึงได้ต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวด้วยการเปิดตัวข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู รุ่น Limited Edition #2 ซึ่งพิเศษตรงที่เป็นข้าวจากโครงการนาหยอดเพียง 4 หมื่นไร่ ที่ดูแลตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูก ต้องเป็นเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนจำกัด และ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียว ออกมารองรับความต้องการในท้องตลาด
“หลังจากเปิดตัวข้าวใหม่ต้นฤดูในช่องทางออนไลน์ เราสามารถสร้างยอดขายผ่านแคมเปญ 11:11 วันเดียวมากกว่า 1.5 หมื่นถุง ซึ่งเป็นกระแสตอบรับที่ดีมาก ดังนั้นเราจึงต่อยอดความต้องการของท้องตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่น 2 ต่อเนื่อง โดยวางแผนเพิ่มจากปีที่แล้วจาก 2 แสนถุงเป็น 4 แสนถุง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดควบคู่กับเพิ่มการทำกิจกรรม ณ จุดขายที่ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง เพื่อให้ลูกค้าที่สะดวกทางออฟไลน์ ได้จับจ่ายในราคาโปรโมชันเช่นกัน”
ด้านการแข่งขันในตลาดข้าวถุงปีหน้ามองว่าสถานการณ์ด้านต้นทุนราคาข้าวหอมมะลิจะยังคงไม่ลดลง ซึ่งภาพรวมตลาดจะมีความใกล้เคียงกับปีนี้หรือบางช่วงอาจจะมีราคาที่สูงกว่า ซึ่งจะทำให้ดึงราคาข้าวอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นปีหน้าคาดว่าตลาดข้าวบรรจุถุงน่าจะแข่งขันกันที่ข้าวเกรดรองๆ เพราะกำลังซื้อของลูกค้ายังไม่มีแนวโน้มที่ไม่ดีไปกว่าเดิม ซึ่งปกติตลาดข้าวบรรจุถุงก็เติบโตปีละไม่เกิน 5%
ทั้งนี้สำหรับแผนงานของบริษัทเพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดข้าวถุงปีหน้า บริษัทจะยังคงดำเนินงานตามแผนของปีนี้ในเรื่องระบบการบริหาร Logistic เพื่อช่วยลดต้นทุน ขณะที่ในส่วนของการผลิตได้ใช้งบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาทเปิดสายการผลิตใหม่นำเครื่องจักร Robot มาใช้เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยไม่ลดจำนวนพนักงานแต่ไม่ได้รับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีการขยายตลาดออนไลน์เพิ่มเติมมากขึ้น หลังจากปีนี้บริษัทได้มีการนำร่องขยายตลาดในช่องทางออนไลน์และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสามารถเติบโตจากปี 2560 มากกว่า 500% ทำให้บริษัทต้องเตรียมพร้อมระบบหลังบ้านทั้งการแพ็กกิ้งและการจัดส่งเพื่อรองรับการเติบโตของปี 2562 มากกว่าเท่าตัว
“นอกจากในเรื่องของการผลิตแล้วในปีหน้าเราจะยังคงเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคข้าวหงษ์ทอง มีทางเลือกที่มากขึ้น โดยสินค้าใหม่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น ผ่านสินค้าที่หลากหลาย”
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ตลาดข้าวบรรจุถุงที่ยังคงผันผวนและมีการแข่งขันสูง ทำให้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในปีหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 5% หรือคิดเป็นยอดขายรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตมาจากการเปิดตัวสินค้าใหม่
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,425 ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2561
