‘ที่นอนดาร์ลิ่ง’รุกหนักส่งออกผงาดผู้นำตลาดเอเชีย-แปซิฟิก
สัมภาษณ์
“ตลาดที่นอนเมืองไทยมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันขยายตัวตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกไม่นานจะต้องถึง 10,000 ล้านบาทแน่นอน”
นางเพ็ญศรี แช่มปรีดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายที่นอนที่มีชื่อเสียงของไทย มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 50 ปี ในเจเนอเรชันที่ 2 ของธุรกิจที่กำลังขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง ได้ประเมินมูลค่าตลาดที่นอนในไทยในการให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” เพื่อฉายภาพอุตสาหกรรมที่นอนในประเทศไทย และขยายความต่อว่า
จุดเริ่มต้นก่อนขยายใหญ่
บริษัทที่นอนดาร์ลิ่งฯ เริ่มต้นจุดเล็กๆ ในสมัยรุ่นพ่อ (นายประเสริฐ ประเสริฐวณิช) โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายที่นอนทำด้วยนุ่น ที่นอนทำด้วยยาง และที่นอนฟองนํ้า โดยร้านตั้งอยู่ย่านกิ่งเพชร ถนนเพชรบุรี ซึ่งในอดีตเป็นแหล่งจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และที่นอนแหล่งใหญ่ของกรุงเทพฯ ต่อมาในช่วงปี 2503 ช่วงสงครามเวียดนาม มีชาวอเมริกันเข้ามาในไทยจำนวนมาก และเริ่มเรียกร้องหาที่นอนที่เป็นที่นอนสปริงเป็นครั้งแรก และถือเป็นเทรนด์ของที่นอนในขณะนั้น บริษัทจึงได้ร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตที่นอนสปริงรายแรกของประเทศในแบรนด์ยูนิเวอร์แซล (Universal) และทำตลาดในกลุ่มโรงแรม 4 ดาว 5 ดาวในไทย
[caption id="attachment_357932" align="aligncenter" width="503"]
เพ็ญศรี แช่มปรีดา[/caption]
“ต่อมาเราเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็นที่นอนดาร์ลิ่ง หรือในชื่อเต็มคือ ดาร์ลิ่ง เดอลุกซ์ (Darling Deluxe) เมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมา และเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก จากการเป็นสปอนเซอร์รายการ “คู่สร้างคู่สม” ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิต 2 แห่งที่ขอนแก่น และที่มีนบุรี กรุงเทพฯ มีสำนักงานขาย และแวร์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ”
สินค้าของบริษัทเวลานี้ทำตลาดในประเทศ และส่งออกสัดส่วน 70:30 โดยตลาดในประเทศขายผ่านโฮมโปรในกลุ่มประชาชนทั่วไป และทำตลาดลูกค้ากลุ่มโรงแรม รีสอร์ต และลูกค้ากลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนในตลาดต่างประเทศบริษัทมีดีลเลอร์ (ตัวแทนจำหน่าย) ในลาวเกือบ 10 ราย ในเมียนมาเดิมมีหลายราย แต่กำลังจะปรับลดให้เหลือเพียงรายใหญ่เพียงรายเดียว เพราะที่ผ่านมามีสงครามราคาระหว่างตัวแทน และในลาวปัจจุบันมีดีลเลอร์ 2 ราย ซึ่งเป็นดีลเลอร์ที่นอนรายใหญ่สุดในกัมพูชา นอกจากนี้มีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายที่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และใน CLMV
เป้ายอดปีหน้าโต 10%
“ปีนี้ยอดขายของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10% โดยตลาดที่นอนที่ขยายตัวมากคือตลาดโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นโครงการต่างๆ ส่วนตลาดบ้านทั่วไปยังทรง ๆ ซึ่งในวงการโรงแรมกล่าวได้ว่าเราเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจที่เขาเลือก แต่บางครั้งมีการแข่งขันสูงเรื่องราคา เรื่องคอนเนกชันเราก็ไม่ได้ลูกค้ามาทั้งหมด ซึ่งระดับราคาสินค้าเรา ถ้าเป็นที่นอนสปริงใช้สำหรับในบ้านเรือนจะอยู่ที่ระดับ 1 หมื่นบาทต้นๆ ในช่วงที่มีโปรโมชันพิเศษ ไปจนถึงระดับ 5 หมื่นบาทต่อที่นอน 1 หลัง (ขนาด 6 ฟุต)”
สำหรับเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปี 2562 เบื้องต้นที่วางไว้จะขยายตัวได้ไม่ตํ่ากว่า 10% แต่หากเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งกลับมาขยายตัวดีขึ้น การขยายตัวอาจมากกว่าที่ตั้งไว้ โดยแผนงานขยายตลาดต่างประเทศที่สำคัญในปี 2562 ล่าสุดได้ผู้ค้าปลีกที่นอนระดับหรูหราสุดของฟิลิปปินส์เป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาว่าบริษัทจะส่งสินค้าที่นอนแบรนด์ดาร์ลิ่งให้ไปจำหน่าย หรือจะรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ภายใต้แบรนด์ของพันธมิตร
นอกจากนี้ในตลาดจีนที่บริษัทได้ส่งออกสินค้าที่นอน และหมอนยางพารา (ลาเท็กซ์โฟม) ที่เป็นที่นิยมไปจำหน่ายแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดี ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับนักธุรกิจนำเข้าที่นอนของจีน เพื่อตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเพื่อบุกตลาดปีหน้าอย่างจริงจัง
ป้อนเบอร์1โลก
ขณะเดียวกันในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังเป็นผู้ผลิตโออีเอ็มให้กับแบรนด์อันดับ 1 ด้านที่นอนของโลกจากสหรัฐฯ (ไม่ขอเผยชื่อ) เพื่อป้อนให้กับโรงแรมชั้นนำระดับ 5 ดาวทั่วเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันในการผลิตสูง เพราะต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ตามสเปกเป็นการเฉพาะ
“แบรนด์อันดับ 1 ของอเมริกา และอันดับ 1 ของโลกนี้ได้ไว้วางใจให้บริษัทผลิตสินค้าป้อน”
ขณะเดียวกันเพื่อขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้มากขึ้น บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาที่นอนพ็อกเกตสปริงที่มีคุณสมบัติช่วยทางด้านสุขภาพและความงาม ซึ่งจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในปีหน้า โดยสินค้าใหม่จะมีฟังก์ชันลดไฟฟ้าสถิตในร่างกายของมนุษย์ ที่ในแต่ละวันจะมีประจุไฟฟ้าสะสมจากการใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ ทำให้ผิวแห้ง เครียด หรือนอนไม่หลับ นอกจากลดไฟฟ้าสถิตแล้วที่นอนที่จะผลิตจะมีการกักเก็บคอลลาเจนไว้ ทำให้ไม่สูญเสียความชุ่มชื้นในผิว เมื่อนอนและสัมผัสและตื่นขึ้นมาจะรู้สึกคงความอ่อนเยาว์ ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่
นางเพ็ญศรี ยังฉายภาพรวมอุตสาหกรรมที่นอนในไทยว่า มีผู้ผลิตเป็น 100 ราย ในจำนวนนี้เป็นรายใหญ่ประมาณ 10 ราย มูลค่าตลาดปีนี้คาดประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดระดับล่างสัดส่วน 40% ตลาดระดับกลาง 40% และตลาดบนอีก 20% ซึ่งในส่วนของบริษัทจับตลาดกลาง-บน โดยในส่วนของตลาดที่ขายผ่านโฮมโปรที่เป็นโมเดิร์นเทรดใหญ่สุดในวงการที่นอน ที่นอนดาร์ลิ่งถือติดอยู่ในท็อปทรี จากจำนวน 7 แบรนด์ที่จำหน่ายในโฮมโปร
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,425 วันที่ 9-12 ธันวาคม 2561