แบรนด์เนมโหมตลาด! ทุ่มงบปรับกลยุทธ์-ภาพลักษณ์เพิ่มช่องทางดึงเงิน
เปิดแผนแบรนด์ดังปรับยุทธศาสตร์ดักนักช็อปกระเป๋าหนัก "ยูบิลลี่ ไดมอนด์" ทุ่มกว่า 10 ล้านบาท เปิดตัวแอพใหม่ "ยูบิลลี่ ไอโมเม้นท์" บันทึกสตอรีลงในเพชร ขณะที่ "แพนดอร่า" ชูดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง เจาะแฟนพันธุ์แท้ พร้อมส่ง 2 คอลเลกชันใหม่ล่อใจ ด้าน "โค้ช" เพิ่มช่องขายผ่านออนไลน์ ก่อนปักหมุดสาขาใหม่ไอคอนสยาม พ.ย. นี้
แม้ภาพรวมการจับจ่ายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาในหลายอุตสาหกรรมจะชะลอตัว จากผลพวงในเรื่องเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่สำหรับกลุ่มธุรกิจลักชัวรียังสามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี บ่งบอกว่า กลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ ที่ล้วนเป็นนักช็อปกระเป๋าหนัก ยังคงมีกำลังการจับจ่ายและพร้อมจะเลือกซื้อสินค้าหรู ๆ แพง ๆ ส่งผลให้ค่ายลักชัวรีชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ, กระเป๋า,รองเท้า และไลฟ์สไตล์แฟชั่น ต่างเดินหน้างัดสารพัดกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายในช่วงเพรสทีจซีซันนี้
[caption id="attachment_337027" align="aligncenter" width="335"]
อัญรัตน์ พรประกฤต[/caption]
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูบิลลี่ ไดมอนด์ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัต "ยูบิลลี่ ไดมอนด์" เปิดเผยว่า บริษัทใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เปิดตัวแอพพลิเคชัน "ยูบิลลี่ ไอโมเม้นท์" เป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้แนวคิดเครื่องประดับทุกชิ้นมีโมเมนต์ที่น่าจดจำ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อเครื่องประดับทุกชิ้นที่มีเทคโนโลยีไอโมเมนต์ สามารถนำช่วงเวลาที่ประดับใจ ไม่ว่าจะเป็น รูป วีดีโอ หรือ ข้อความที่ต้องการ เก็บไว้ในเครื่องประดับยูบิลลี่ ไอโมเมนต์ชิ้นโปรดได้ โดยแคมเปญดังกล่าวจะนำร่องเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าคู่แต่งงาน พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ "พุฒิ-พุฒิชัย และ จุ๋ย-วรัทยา" ในการสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายไปยังช่วงวันสำคัญของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เช่น วันแม่ เทศกาลวาเลนไทน์ และปีใหม่ เป็นต้น ซึ่งแอพพลิเคชันดังกล่าวถือเป็นหัวหอกหลักในการบุกตลาดของบริษัทไปจนถึงปีหน้า โดยวางเป้าหมายการเติบโตจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวที่ 5-8% นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวเครื่องประดับเพชรดีไซน์ใหม่ ๆ เฉลี่ย 300-400 ดีไซน์ต่อปี แบ่งเป็น ยูบิลลี่ ไอโมเมนต์ชิ้น 30-40% ขณะที่ ภาพรวมการเติบโตตลอดทั้งปีคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 8-10%
สำหรับแนวโน้มการแข่งขันในตลาดเครื่องประดับเพชรในปีหน้า ผู้ประกอบการยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องโปรโมชัน ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในระบบบริหารจัดการ และหลายผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่ กลยุทธ์เรื่องราคายังคงจะถูกนำมาใช้ในการแข่งขันอย่างต่อเนื่องในท้องตลาด ทั้งนี้ บริษัทมองว่า การแข่งขันในเรื่องราคาจะไม่สามารถสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนได้ ดังนั้น จึงให้ความสำคัญกับการเน้นคุณภาพของสินค้าและการสร้างนวัตกรรมผ่านนโยบายของบริษัทที่เน้นพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ อาทิ แพนดอร่า, มารีเมกโกะ, แคท คิดสตัน, ทิลด้า กล่าวประเมินภาพรวมไตรมาสสุดท้าย ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณบวกมากขึ้น กอปรกับช่วงไตรมาสสุดท้ายถือเป็นช่วงไฮซีซันที่ประชาชนออกมาฉลอง จับจ่ายใช้สอยทำให้คาดว่าตลาดจะกลับมาเติบโต
[caption id="attachment_337032" align="aligncenter" width="377"]
ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล[/caption]
ดังนั้น บริษัทจึงวางกลยุทธ์ทำตลาด โดยเน้นสื่อสารเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่าน "ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง" ที่เน้นสร้างประสบการณ์และความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านโซเชียลมีเดีย รวมทั้งเปิดตัว 2 คอลเลกชันใหม่ ได้แก่ PANDORA REFLEXIONS สร้อยข้อมือและชาร์ม และคอลเลกชัน PURELY PANDORA ในเดือน พ.ย. นี้ นอกจากนี้ ยังใช้งบลงทุนกว่า 28 ล้านบาท เปิด "แพนดอร่า แฟล็กชิพสโตร์" แห่งแรกในไทยและเอเชียแปซิฟิก ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "A New Evolution Design" เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยมาตรฐานแบบลักชัวรีแบรนด์ และรองรับการเติบโตในตลาดเมืองไทยด้วย ซึ่งในปีนี้แบรนด์แพนดอร่ามีการเติบโตถึง 28% ขณะที่ บริษัทมีการเติบโต 27%
ขณะที่ นายโอภาส เลวิจันทร์ ประธานกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัท แปซิฟิกาฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแฟชั่นแบรนด์เนม อาทิ โค้ช, เคนเนท โคล, เคดส์, ฟูร์ล่า ฯลฯ กล่าวว่า ภาพรวมของแบรนด์เนมต่าง ๆ มีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้เฉลี่ย 15-17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้บริษัทยังเดินหน้าสร้างแบรนด์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหนักไปที่แบรนด์โค้ช ซึ่งปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง ในเดือน พ.ย. ที่ไอคอนสยาม พร้อมเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่ในรูปแบบ Modern Luxury และเพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และผู้ที่ชอบช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทยังมั่นใจในกำลังซื้อของผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ว่าจะยังคงจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าที่โดนใจ และทำให้ทิศทางของตลาดลักชัวรีในปีหน้าคึกคักเช่นเดิม
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,412 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
แม้ภาพรวมการจับจ่ายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาในหลายอุตสาหกรรมจะชะลอตัว จากผลพวงในเรื่องเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่สำหรับกลุ่มธุรกิจลักชัวรียังสามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี บ่งบอกว่า กลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ ที่ล้วนเป็นนักช็อปกระเป๋าหนัก ยังคงมีกำลังการจับจ่ายและพร้อมจะเลือกซื้อสินค้าหรู ๆ แพง ๆ ส่งผลให้ค่ายลักชัวรีชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ, กระเป๋า,รองเท้า และไลฟ์สไตล์แฟชั่น ต่างเดินหน้างัดสารพัดกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายในช่วงเพรสทีจซีซันนี้
[caption id="attachment_337027" align="aligncenter" width="335"]
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูบิลลี่ ไดมอนด์ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัต "ยูบิลลี่ ไดมอนด์" เปิดเผยว่า บริษัทใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เปิดตัวแอพพลิเคชัน "ยูบิลลี่ ไอโมเม้นท์" เป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้แนวคิดเครื่องประดับทุกชิ้นมีโมเมนต์ที่น่าจดจำ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อเครื่องประดับทุกชิ้นที่มีเทคโนโลยีไอโมเมนต์ สามารถนำช่วงเวลาที่ประดับใจ ไม่ว่าจะเป็น รูป วีดีโอ หรือ ข้อความที่ต้องการ เก็บไว้ในเครื่องประดับยูบิลลี่ ไอโมเมนต์ชิ้นโปรดได้ โดยแคมเปญดังกล่าวจะนำร่องเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าคู่แต่งงาน พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ "พุฒิ-พุฒิชัย และ จุ๋ย-วรัทยา" ในการสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายไปยังช่วงวันสำคัญของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เช่น วันแม่ เทศกาลวาเลนไทน์ และปีใหม่ เป็นต้น ซึ่งแอพพลิเคชันดังกล่าวถือเป็นหัวหอกหลักในการบุกตลาดของบริษัทไปจนถึงปีหน้า โดยวางเป้าหมายการเติบโตจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวที่ 5-8% นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวเครื่องประดับเพชรดีไซน์ใหม่ ๆ เฉลี่ย 300-400 ดีไซน์ต่อปี แบ่งเป็น ยูบิลลี่ ไอโมเมนต์ชิ้น 30-40% ขณะที่ ภาพรวมการเติบโตตลอดทั้งปีคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 8-10%
สำหรับแนวโน้มการแข่งขันในตลาดเครื่องประดับเพชรในปีหน้า ผู้ประกอบการยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องโปรโมชัน ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในระบบบริหารจัดการ และหลายผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่ กลยุทธ์เรื่องราคายังคงจะถูกนำมาใช้ในการแข่งขันอย่างต่อเนื่องในท้องตลาด ทั้งนี้ บริษัทมองว่า การแข่งขันในเรื่องราคาจะไม่สามารถสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนได้ ดังนั้น จึงให้ความสำคัญกับการเน้นคุณภาพของสินค้าและการสร้างนวัตกรรมผ่านนโยบายของบริษัทที่เน้นพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ อาทิ แพนดอร่า, มารีเมกโกะ, แคท คิดสตัน, ทิลด้า กล่าวประเมินภาพรวมไตรมาสสุดท้าย ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณบวกมากขึ้น กอปรกับช่วงไตรมาสสุดท้ายถือเป็นช่วงไฮซีซันที่ประชาชนออกมาฉลอง จับจ่ายใช้สอยทำให้คาดว่าตลาดจะกลับมาเติบโต
[caption id="attachment_337032" align="aligncenter" width="377"]
ดังนั้น บริษัทจึงวางกลยุทธ์ทำตลาด โดยเน้นสื่อสารเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่าน "ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง" ที่เน้นสร้างประสบการณ์และความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านโซเชียลมีเดีย รวมทั้งเปิดตัว 2 คอลเลกชันใหม่ ได้แก่ PANDORA REFLEXIONS สร้อยข้อมือและชาร์ม และคอลเลกชัน PURELY PANDORA ในเดือน พ.ย. นี้ นอกจากนี้ ยังใช้งบลงทุนกว่า 28 ล้านบาท เปิด "แพนดอร่า แฟล็กชิพสโตร์" แห่งแรกในไทยและเอเชียแปซิฟิก ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "A New Evolution Design" เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยมาตรฐานแบบลักชัวรีแบรนด์ และรองรับการเติบโตในตลาดเมืองไทยด้วย ซึ่งในปีนี้แบรนด์แพนดอร่ามีการเติบโตถึง 28% ขณะที่ บริษัทมีการเติบโต 27%
ขณะที่ นายโอภาส เลวิจันทร์ ประธานกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัท แปซิฟิกาฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแฟชั่นแบรนด์เนม อาทิ โค้ช, เคนเนท โคล, เคดส์, ฟูร์ล่า ฯลฯ กล่าวว่า ภาพรวมของแบรนด์เนมต่าง ๆ มีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้เฉลี่ย 15-17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้บริษัทยังเดินหน้าสร้างแบรนด์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหนักไปที่แบรนด์โค้ช ซึ่งปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง ในเดือน พ.ย. ที่ไอคอนสยาม พร้อมเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่ในรูปแบบ Modern Luxury และเพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และผู้ที่ชอบช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทยังมั่นใจในกำลังซื้อของผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ว่าจะยังคงจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าที่โดนใจ และทำให้ทิศทางของตลาดลักชัวรีในปีหน้าคึกคักเช่นเดิม
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,412 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
