สมาคมกาแฟพิเศษเผยธุรกิจกาแฟในไทยยังโตได้อีก

24 ก.พ. 2559 | 03:10 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.พ. 2559 | 09:39 น.
นายอภิชา แย้มเกษร นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าวว่า  ได้จัดงาน    สมาคมฯร่วมกับพันธมิตรจัดงาน  SCATH and CP RETAILINK Present Thailand Coffee Fest 2016 มหกรรมกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่จัดโดย Scath (Specialty Coffee Association of Thailand) สมาคมกาแฟพิเศษไทย ร่วมกับ CP Retailink และ a day BULLETIN LIFE เป็นมหกรรมงานเทรดโชว์ที่มากด้วยเรื่องราวและเนื้อหาไม่เพียงแต่เอาใจคอคนรักกาแฟเท่านั้น แต่ผนวกกับวิถีและกระบวนการต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งนี้ภายในงานยังได้รวบรวมผู้ผลิต ผู้ปลูก ผู้คั่ว ผู้สกัด ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่รักและ ชื่นชอบกาแฟมารวมไว้ในงานเดียว พร้อมทั้งเน้นการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกาแฟ ตั้งแต่ต้นสายถึงปลายทางกาแฟ โดยงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 25 ถึง วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้ ณ ห้อง เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เศรษฐกิจไทยในปี 2559 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.7 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการใช้จ่ายภาครัฐ ในกองทุนหมู่บ้าน วงเงิน 35,000 ล้านบาท และราคาน้ำมันดิบที่มีราคาต่ำสุดในรอบ 7 ปี รวมทั้งการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยกดดันก็น่าจะมาจากภัยแล้งที่จะมีผลต่อภาคการเกษตร และ สภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก ตลาดยังไปได้แต่ก็อาจมีการชลอตัวบ้าง จากมุมมองเศรษฐกิจจะมีผลผลกระทบต่อ SME ในธุรกิจกาแฟหรือไม่นั้น? ในส่วนของตลาดกาแฟสดเนื่องจากการดื่มกาแฟเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้คนไปแล้ว และมีการเติบโตขอกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของธุรกิจกาแฟ ยังเติบโตได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการปลูกและผลิตกาแฟ เพราะประเทศเรายังผลิตกาแฟไม่พอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ ซึ่งประมาณการผลผลิตกาแฟในประเทศไทยปีนี้ อาราบิก้า ได้ประมาณ 9,000 ตัน และเป็นกาแฟโรบัสต้าประมาณ 17,800 กว่าตัน  ราคาเมล็ดกาแฟในประเทศไทยยังสูงกว่ากาแฟจากเพื่อนบ้าน  เพราะบ้านเรายังมีการเก็บภาษีนำเข้ากาแฟจาก กลุ่ม CLMV สูงถึง 90% ทำให้มีผลราคาเมล็ดกาแฟไทยอยู่ที่ 160-180 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาเมล็ดกาแฟเพื่อนบ้านเรา อยู่ที่ 95-105 บาท ซึ่งมีผลดีต่อเกษตรกร แต่ก็กดดันอัตราการเติบโตของการเกิดร้านกาแฟ เพราะต้นทุนเมล็ดกาแฟที่แพงมาก

ในส่วนตลาดการเปิดร้านกาแฟ ร้านกาแฟในเมืองใหญ่อาจหาทำเลเปิดได้ยากขึ้น ในส่วนต่างจังหวัดตลาดยังเปิดกว้างอีกมาก ส่วนตลาดแรงงานพนักงานร้านกาแฟ เนื่องจากร้านกาแฟเปิดขึ้นเยอะภาวะการณ์ขาดแคลนแรงงานก็ตามมา แต่ก็ต้องการแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้น สภาพโดยรวมสรุปยังมีโอกาสอีกมากในธุรกิจนี้ เรื่องของ SME ในส่วนของเกษตรกรต้องเตรียมตัว ประเทศเรามี FTA แต่ยังคงภาษีนำเข้า 90% ทำให้ขายกาแฟได้ราคาแพง แต่ในอนาคตภาษีก็น่าจะลดลง เกษตรกรก็ต้องเตรียมรับมือกับราคากาแฟเมล็ดที่ลดลงเข้าสู่ภาวะราคาจริงตามตลาดโลก เกษตรกรคงต้องหันมาทำกาแฟแบบ Specialty Coffee เพื่อให้ได้ราคาดีมากขึ้น เพราะบ้านเราเสียเปรียบเรื่องต้นทุนการผลิต ผู้ประกอบการร้านกาแฟ ต้องรักษามาตรฐานคุณภาพการชงกาแฟและเครื่องดื่ม และการเปิดร้านใหม่หรือขยายสาขา อาจต้องเน้นที่ทำเลดีจริงๆ หรือเป็นทำเลแหล่งท่องเที่ยวก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น ธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยยังเติบโตได้อีกเยอะ เพราะการบริโภคกาแฟของคนไทยยังน้อยมาก เมื่อเทียบต่อประชากรในประเทศ การเกิดร้านกาแฟในเมืองใหญ่อาจมีการเติมโตช้าลง แต่ในต่างจังหวัดการเกิดร้านกาแฟสามารถโตได้อีกมากมาย ดังนั้นผู้ประกอบการร้านกาแฟ ณ ปัจจุบัน ควรหาความรู้ที่เกี่ยวกับกาแฟเพิ่มเติมตลอดเวลา และปรับปรุงและทดสอบคุณภาพการชงกาแฟของร้านเราอย่างสม่ำเสมอ เสาะแสวงหากาแฟคุณภาพดีและแหล่งปลูกใหม่ๆ หรือสร้างสรรค์ เมนูใหม่ๆ มาบริการลูกค้าเพื่อลดความจำเจ

สำหรับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจร้านกาแฟ สิ่งจำเป็นที่ท่านต้องมีถึงจะอยู่รอดได้ 1. มีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับศาสตร์ของกาแฟและในเรื่องการชงกาแฟที่ถูกต้อง 2. หาอัตลักษณ์การเป็นตัวตนและสไตล์ของร้านให้เจอเพราะร้านกาแฟมีมากมายสไตล์เป็นสิ่งที่บงบอกว่าเราแตกต่างจากร้านอื่น 3. สุดท้ายสิ่งที่สำคัญของการทำร้านกาแฟคือทำเลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทำเลต้องดีและต้องเหมาะสม อยู่ในที่ชุมชน ร้านกาแฟจะอยู่ได้ต้องมีลูกค้ามาเข้าร้าน ทำกาแฟอร่อยรสชาติเยี่ยมแต่ไม่มีลูกค้ามาร้านก็ประสบความสำเร็จยาก  และเทรนด์ของธุรกิจกาแฟในอนาคต ทิศทางจะเป็นร้านกาแฟที่เรียกว่า Third wave คือมีความพิถีพิถันในการทำร้านร้านกาแฟในทุกๆด้าน เช่น ในการเลือกใช้เมล็ดกาแฟก็ต้องเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ ที่เรียกว่า Specialty Coffee จากแหล่งปลูกหลายๆแหล่งมาบริการลูกค้า ตัวพนักงานชงกาแฟ Barista ก็ต้องมีความรู้ ที่จะชงกาแฟได้อย่างถูกต้อง และอธิบายเรื่องราวของกาแฟ ได้อย่างเข้าใจแก่ลูกค้า ในการตกแต่งร้านและการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องชงกาแฟก็จะเลือกใช้ของที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อความพึงพอใจของลูกค้ามากขึ้น

ดังนั้น ในเรื่องของการที่แก้ปัญหาของของผู้ประกอบการแบบองค์รวม ทางสมาคมฯ ได้เล็งเห็นว่าการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจกาแฟเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด ซึ่งในงาน Thailand Coffee Fest 2016 ครั้งนี้ได้มีการสัมมนา และการอบรมให้ความรู้ในงานอย่างหลากหลาย และครบถ้วน ทั้งความรู้เรื่องการชงกาแฟ การคั่วกาแฟ การชิม เรื่องการตลาด และแม้กระทั้งเรื่องการดูทำเลฮวงจุ้ยในการทำร้านกาแฟ ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จำดำเนินธุรกิจกาแฟได้อย่างดี ต่อไปในอนาคต