ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตลาดยังคงกังวลมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2561
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นและส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี หลังนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์อุปทานตึงตัวจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลทำให้การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านปรับตัวลดลงอย่างมาก
-/+ อิหร่านได้ออกมากล่าวโทษซาอุดิอาระเบียและรัสเซียว่าได้ผิดข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่ม หลังมีแนวโน้มที่ทั้งสองประเทศจะเพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม อิหร่านได้ให้ความเห็นว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียจะไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้เท่ากับอุปทานที่หายไปจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านได้
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียได้เปิดเผยในการประชุมที่ประเทศรัสเซียว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียพร้อมที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดน้ำมันโลก โดยซาอุดิอาระเบียพร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนพ.ย. 61 จากระดับ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. 61
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนหน้าพบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรล ขึ้นไปแตะระดับ 404 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เกือบ 4 เท่าและเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค. 60 ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เข้ามาจากยุโรป และความกังวลเกี่ยวกับโควต้าการส่งออกครั้งใหม่ของประเทศจีน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าน้ำมันดิบดูไบ แม้ว่าความต้องการใช้ในภูมิภาคยังแข็งแกร่งและอุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 73-78 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 83-88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศอิหร่านมีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรในเดือน พ.ค. 61 ที่ผ่านมา
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลายังคงปรับลดลงต่อเนื่อง หลังท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบหลักของเวเนซุเอลายังคงปิดดำเนินการอยู่
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นและคาดจะส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของโลกอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์