TRITN ขึ้น TOP5 บริษัทก่อสร้างชั้นนำของไทย หลังจากจับมือ CRCC

27 ก.ย. 2561 | 07:12 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2561 | 14:12 น.
TRITN จับมือ CRCC หวังเสริมแกร่ง ก้าวขึ้น TOP 5 บริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศ

นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TRITN) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับตัวแทนจาก บริษัท China Railway Construction Corporation Limited (CRCC) แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาธุรกิจให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น อีกทั้งเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ TRITN ก้าวขึ้นสู่การเป็น TOP 5 ของบริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศตามเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทที่ได้ประกาศไว้

TRITN - CRCC 002[5922]

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน TRITN เป็นบริษัทที่ดำเนินการด้านงานก่อสร้างเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจด้านการก่อสร้างอย่างเต็มตัว ซึ่งใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรและผลดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจจนสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาดูงานเพิ่มเติมในอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ จากการลงนามความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ TRITN ที่จะมีโอกาสเข้าไปดูแลอีกหลายบิ๊กโปรเจคของประเทศทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งความร่วมมือนั้นจะครอบคลุมตั้งแต่งานก่อสร้างโปรเจคสำคัญต่างๆในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่จะสร้างความมั่นคงต่อกระแสเงินสด และจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทดีมากยิ่งขึ้น

TRITN - CRCC 001[5923]

นอกจากนี้ ความร่วมมือกับ CRCC จะช่วยเตรียมความพร้อมด้านธุรกิจก่อสร้างให้ TRITN สามารถพัฒนาธุรกิจพลังงานและการจัดการขยะของเสีย (Waste Management) ซึ่งจะมีการจับมือเพิ่มเติมกับบริษัทชั้นนำของโลกเร็วๆนี้ตามแผนการของผู้บริหารที่ได้วางไว้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ TRITN ในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร

TRITN - CRCC 003[5921]

“ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบของสองบริษัทผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่ง CRCC เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ การันตีด้วยรางวัลระดับโลก การที่ TRITN ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ CRCC ที่มีโครงการใหญ่ภายใต้การบริหารหลายโครงการทั้งในไทยและต่างประเทศ จะเป็นส่วนช่วยให้บริษัทมีโอกาสรับงานใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและครบวงจรตามแผนที่บริษัทวางไว้”

หลุยส์ เตชะอุบล 04[5924]

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัท ยังอยู่ระหว่างหารือและรอเซ็นต์สัญญากับบริษัทอื่นๆ มูลค่างานรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยประกาศได้ในเดือนตุลาคม 2561 ซึ่งจะทำให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน ยังส่งผลให้แนวโน้มรายได้ของบริษัทเติบโตขึ้น คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ จะมากกว่ารายได้ในไตรมาส 1 และ 2 อย่างแน่นอน นอกจากนี้ การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนขึ้น ยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างให้แข็งแกร่งต่อเนื่องไปอีก 5-6 ปี