‘มูเกนได’รุกหนัก จ่อปั้น3แบรนด์ปี62

04 ส.ค. 2561 | 11:46 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2561 | 18:46 น.
“มูเกนได” เดินหน้ารุกธุรกิจร้านอาหาร จ่อปั้น 3 แบรนด์ใหม่ทั้งกลุ่มสเต๊ก อาหารจีน อาหารไทยในปี 62 ชู       “มูเทกิ” เรือธงขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ หลังกระแสตอบรับดี คาดสิ้นปีโกยรายได้ทะลุ 300 ล้านบาท

นายกมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูเกนได จำกัด ผู้บริหารร้านอาหาร มูเกนได (Mugendai), มูเทกิ บาย มูเกนได (Muteki by Mugendai), Maison de la Truffe, มาการองจากฝรั่งเศส Pierre Herme เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจใน 3-5 ปีนี้บริษัทจะเน้นการขยายสาขาร้านมูเทกิ เป็นหลัก เพื่อรองรับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน โดยเน้นการขยายสาขาตามอาคารสำนักงาน ห้างตามหัวเมืองต่างๆ ทั้งที่เป็นการลงทุนของบริษัทเอง และแฟรนไชส์

“มูเทกิ เป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นลูกค้าสัมผัสได้ง่าย แตกต่างจากแบรนด์มูเกนได ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป ทำให้บริษัทมีแผนขยายร้านมูเทกิเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขา 1-3 แห่งต่อปี ขณะเดียวกันก็เริ่มเปิดรับผู้สนใจเข้าลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์มากขึ้น โดยเริ่มต้นสาขาแรกที่เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และจะเปิด อีกแห่งที่เซ็นทรัล ภูเก็ต”

โดยมูเทกิ มีพื้นที่ขนาด 150 ตร.ม.ต่อสาขา ใช้เงินลงทุนราว 4-5 ล้านบาท มีจุดเด่นที่ความหลากหลายของเมนูอาหารทั้งของคาว ของหวาน รวมถึงแพนเค้ก ชูครีม นมฮอกไกโด เป็นต้น คาดว่าจะสามารถคุ้มทุนได้ใน 2 ปี โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ที่อุดรธานี และโคราชด้วย ทั้งนี้คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีร้านมูเทกิไม่ตํ่ากว่า 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แห่ง โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

อย่างไรก็ดีบริษัทมีแผนนำแบรนด์ใหม่เข้ามาเปิดให้บริการ อีก 2 แบรนด์ในกลุ่มร้านอาหาร สเต๊ก และอาหารจีน โดยขณะนี้อยู่ ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะสามารถ เปิดให้บริการได้ในปี 2562 ทั้งนี้จากการศึกษาตลาดพบว่า ร้านอาหารจีนยังเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีผู้ประกอบการไม่ถึง 5 แบรนด์ แตกต่างจากอาหารญี่ปุ่นที่มีผู้ประกอบการจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันสูง

ขณะเดียวกันบริษัทสนใจที่จะเปิดร้านอาหารไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเมนูอาหารไทยเพื่อให้ได้อาหารที่หลากหลาย เหมาะกับผู้บริโภคคนไทยระดับมิดเดิล คลาส ในราคาที่คุ้มค่า โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2562 เช่นกัน

“ร้านอาหารไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งพบว่ายิ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากเท่าใด ร้านอาหารไทยก็เติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่ผู้บริโภคคนไทยจะนิยมร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารจีนมากกว่า”

นายกมลสุทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนทำตลาดให้กับแบรนด์มาการอง Pierre Herme มากขึ้น โดยจะรีโนเวตพื้นที่ภายในร้าน พร้อมเพิ่มเมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ และเพิ่มบริการสำหรับนั่งทานในร้าน จากเดิมที่มีเพียง take away รวมทั้งมีแผนขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลที่เหมาะสม อาทิ ไอคอนสยาม เป็นต้น

สำหรับภาพรวมของธุรกิจในครึ่งปีแรกพบว่ามีการเติบโตเกือบ 10% ดีกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ แม้เศรษฐกิจและกำลังซื้อจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก กอปรกับการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหาร แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น กลับมาคึกคักมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 300 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 7-8%

e-book-1-503x62

 

หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,388 ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2561