เศรษฐกิจใหม่บนความท้าทาย : New World, New Economy, New Challenge

06 ก.พ. 2559 | 05:00 น.
เศรษฐกิจกระแสใหม่ (New Economy) เป็นโอกาสที่นักสร้างสรรค์และผู้ประกอบการต้องตระหนักและใช้ให้เกิดประโยชน์ ท่ามกลางการแข่งขันที่ไม่ใช่บนดินแดนประเทศไทยเท่านั้น ในโอกาสก้าวขึ้นสู่ปีที่ 11 ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) จึงจัดงานเสวนาขึ้นในหัวข้อ "เศรษฐกิจใหม่บนความท้าทาย : New World, New Economy, New Challenge" โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างน่าสนใจ

นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ หรือ New Economy มีปัจจัยที่สลับซับซ้อน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาของประเทศไทยอย่างเดียว แต่รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ ที่ต้องทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมใหม่ของโลกที่เป็นทั้งอุปสรรคและโอกาสการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและประเทศ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ฐานความรู้ด้านดิจิทัล และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

[caption id="attachment_29951" align="aligncenter" width="500"] New World, New Economy, New Challenge New World, New Economy, New Challenge[/caption]

ถือเป็นภารกิจใหม่ที่ทีซีดีซี ต้องเร่งดำเนินการใน 4 ด้าน ได้แก่ Creative Vision การพัฒนายุทธศาสตร์และแนวทางนโยบายต่างๆ ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับสากล , Creative Center การเป็นผู้พัฒนา Knowledge and Inspiration นำเสนอความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ ผ่านบริการต่างๆ จากการสร้างช่องทางและแหล่งเรียนรู้ใหม่ๆ อาทิ Digital Platform ฯลฯ , Creative Business การสร้างธุรกิจที่เติบโตขึ้น แข็งแรงขึ้น การสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจรายสาขา ผ่าน 4 แนวทางคือ Consult / Network / Develop / Support และสุดท้ายเป็น Creative Thailand การเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้สังคมไทยเกิดการรับรู้ถึงความสำคัญ และเข้าใจกระบวนการนำความคิดสร้างสรรค์ไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ การแก้ปัญหาและเพิ่มคุณภาพชีวิตในรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อดิจิทัล และการจัดกิจกรรมต่างๆ

"โลกปัจจุบันน่ากลัว ตื่นเต้น สนุก และอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเสมอ สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญานเตือน ซึ่งมันส่งผลต่อการทำงานของ TCDC ดิจิทัลแพลตฟอร์ม เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ความรู้สื่อสารกันได้รวดเร็วและกระจายไปทั่วมากขึ้น ขณะที่การทำธุรกิจแบบอี-คอมเมิร์ชจะเป็นช่องทางของโลกอนาคตที่น่าสนใจ"

ขณะที่ "เศรษฐกิจใหม่บนความท้าทาย : New World, New Economy, New Challenge" เป็นการฉายภาพให้เห็นความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจกระแสใหม่ในการขับเคลื่อนประเทศ ตลอดจนเป็นการเอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างความคิดสร้างสรรค์และการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางความรู้และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปพร้อมกับยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจสร้างสรรค์ให้เป็นทุนสำคัญ

ด้านนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจกระแสใหม่ กล่าวว่าเรื่อง digital economy ไทยต้องพยายามโพสิชั่นนิ่งตัวเอง ต้องไม่ใช่ผู้เล่นแต่ต้องเป็นผู้ใช้ เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ องค์ความรู้ต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษหมด ดังนั้นดิจิตอล คอนเทนต์ต้องปรับปรุง ให้เป็นภาษาไทยเพื่อเกิดความเข้าใจ โพสิชั่นนิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องพยายามผลักเศรษฐกิจของประเทศ จากการแข่งขันเพื่อการผลิต ให้ก้าวเข้าสู่บริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีโพสิชั่นนิ่งที่ชัดเจน ที่ผ่านมาประเทศไทยมีกระบวนการผลิตที่ดี แต่ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ดังนั้นการสร้างพื้นที่ให้คนเกิดความคิดสร้างสรรค์ ในหลากหลายรูปแบบถือเป็นสิ่งสำคัญ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด กล่าวถึงการปรับตัวของประเทศไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อแข่งขันกับนานาประเทศในด้านผลผลิตทางการเกษตรว่า คำจำกัดความของคำว่า "เศรษฐกิจใหม่" จะมีใน 2 ด้านได้แก่ ไฮเทค (Hi Tech) คือ digital economy และไฮ ทัช (Hi Touch) คือ cultural economy สำหรับการทำธุรกิจ จุดแข็งของประเทศไทยอยู่ที่ไฮ ทัชหรือต้นทุนทางวัฒนธรรม อนาคตของประเทศไทยจะไปได้คือภาคเกษตร และภาคเกษตรจะเป็นการเพิ่มมูลค่าได้ เช่น การแปรรูปน้ำมันรำข้าว ให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนความท้าทายของเกษตรไทยคือชลประทาน เพราะหากผู้ประกอบการมีนวัตกรรม มีทุกอย่าง แต่ไม่มีวัตถุดิบ ก็ไปไม่ได้

"ทุนวัฒนธรรมของไทยมีมากมาย มัสมั่นไทยได้ที่ 1 ของเอเซียชนะพิซซ่า ชนะซูชิ การท่องเที่ยวไทยที่มีชื่อ อยากให้นำเรื่องวัฒนธรรม เรื่องอาหารมาชูเป็นจุดแข็ง แล้วให้คนที่มีความคิด คนที่มีทักษะดีไซน์มาช่วยผลักดัน ซึ่งสิ่งที่จะได้อานิสงส์ตามไปด้วยคือ กระเทียม ใบมะกรูด น้ำมันรำข้าว เป็นต้น เรื่องของการเพิ่มมูลค่าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นการผลิตแบบธรรมดา เขาก็จะเป็น SMEs แต่ถ้าทำให้ตัว S เป็น Stylist หรือ Smart ก็จะดี เช่น ผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าว ซึ่งเป็นตัวแทน SMEs ไทยที่อยู่ในภาคการเกษตร แต่ SMEs ของผมต้องเป็นสไตล์ลิส Modern Excellent เช่นเดียวกับแกล็บแท็กซี่ หากประเทศไทยรู้จักใช้ทุนวัฒนธรรม เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่น ที่ทำเหล้าสาเก ก็จะเป็นสิ่ที่ดีมาก"

ขณะที่นายประณิธาน พรประภา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Asiola และผู้ก่อตั้งโครงการ Wonderfruit กล่าวว่า พฤติกรรมของคนไทยเล่นอินเทอร์เน็ตทุกวัน ทุกอย่างถูกเชื่อมต่อกันได้หมดและคนไทยชอบที่จะรู้เรื่องของคนอื่นมาก ตอนนี้ทุกคนอยู่ในเจเนอเรชั่นของข้อมูลที่เยอะเกินไป เทรนด์การลงทุนสมัยใหม่ที่ต้อง "ล่า" คนมีความสามารถให้เข้ามาสร้างสินค้าและบริการ ผ่านกลยุทธ์การบ่มเพาะทรัพยากรมนุษย์ให้เติบโตอย่างเต็มรูปแบบท่ามกลางเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,128 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559