Play
ลุ้นถกรับซื้อไฟSPP 25โรงจี้ได้ต่อสัญญา
กบง. เล็งพิจารณาชี้ชะตา เอสพีพีโคเจนฯ 25 โครงการ 4 ก.ค.นี้ รื้อมติกพช.ใหม่ จะรับซื้อไฟฟ้าต่อหรือไม่ หลังสถานการณ์เปลี่ยน และผู้ประกอบการไม่ยอมรับเงื่อนไข ให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในพื้นที่เดิม
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) ระบบโคเจเนอเรชัน ที่หมดสัญญาในปี 2560-2568 โดยกระทรวงพลังงานเตรียมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ แนวทางเบื้องต้นคงแตกต่างจากมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 เนื่องจากจะต้องพิจารณาความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
[caption id="attachment_292987" align="aligncenter" width="503"]
DCIM100MEDIADJI_0107.JPG[/caption]
โดยกพช. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 มีมติให้ต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโครงการเอสพีพีโคเจนฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเอสพีพีที่หมดอายุในปี 2560-2561 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าและไอนํ้าให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และไฟฟ้าส่วนเกินขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยกำหนดให้ กฟผ.รับซื้อไฟฟ้าในจำนวนไม่เกิน 60 เมกะวัตต์ ในราคา 2.37 บาทต่อหน่วย
ส่วนเอสพีพีกลุ่มที่ 2 เป็นโรงไฟฟ้าที่จะสิ้นสุดสัญญาในปี 2562-2568 นั้น กพช.อนุมัติให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ในพื้นที่เดิมหรือพื้นที่ใกล้เคียงนิคมอุตสาห-กรรมและสวนอุตสาหกรรม โดยให้ขายไฟฟ้าให้ กฟผ.ได้ไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ และไม่เกิน 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวมไอนํ้า และต้องไม่เกินกว่าปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญาเดิม ในราคา 2.81 บาทต่อหน่วย โดยให้มีสัญญารวม 25 ปี
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการเอสพีพีโคเจนฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าเอสพีพีโคเจนฯ ที่มีสิทธิ์ต่อสัญญาจำนวน 25 โครงการ ขณะนี้ยังไม่มีรายใดได้เซ็นสัญญาเพื่อต่ออายุการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. แม้แต่รายเดียว แม้ว่ามติ กพช. เมื่อปี 2559 จะอนุมัติแล้วก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน และ กกพ. ต้องตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของแต่ละรายอย่างละเอียด เช่น มีการขายไฟฟ้าและไอนํ้าให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมจริงหรือไม่
ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น คาดว่าจะสามารถเข้าพิจารณาในที่ประชุม กบง. ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,378 วันที่ 28-30 มิถุนายน 2561
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) ระบบโคเจเนอเรชัน ที่หมดสัญญาในปี 2560-2568 โดยกระทรวงพลังงานเตรียมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ แนวทางเบื้องต้นคงแตกต่างจากมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 เนื่องจากจะต้องพิจารณาความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
[caption id="attachment_292987" align="aligncenter" width="503"]
โดยกพช. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 มีมติให้ต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโครงการเอสพีพีโคเจนฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเอสพีพีที่หมดอายุในปี 2560-2561 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าและไอนํ้าให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และไฟฟ้าส่วนเกินขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยกำหนดให้ กฟผ.รับซื้อไฟฟ้าในจำนวนไม่เกิน 60 เมกะวัตต์ ในราคา 2.37 บาทต่อหน่วย
ส่วนเอสพีพีกลุ่มที่ 2 เป็นโรงไฟฟ้าที่จะสิ้นสุดสัญญาในปี 2562-2568 นั้น กพช.อนุมัติให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ในพื้นที่เดิมหรือพื้นที่ใกล้เคียงนิคมอุตสาห-กรรมและสวนอุตสาหกรรม โดยให้ขายไฟฟ้าให้ กฟผ.ได้ไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ และไม่เกิน 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวมไอนํ้า และต้องไม่เกินกว่าปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญาเดิม ในราคา 2.81 บาทต่อหน่วย โดยให้มีสัญญารวม 25 ปี
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการเอสพีพีโคเจนฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าเอสพีพีโคเจนฯ ที่มีสิทธิ์ต่อสัญญาจำนวน 25 โครงการ ขณะนี้ยังไม่มีรายใดได้เซ็นสัญญาเพื่อต่ออายุการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. แม้แต่รายเดียว แม้ว่ามติ กพช. เมื่อปี 2559 จะอนุมัติแล้วก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน และ กกพ. ต้องตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของแต่ละรายอย่างละเอียด เช่น มีการขายไฟฟ้าและไอนํ้าให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมจริงหรือไม่
ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น คาดว่าจะสามารถเข้าพิจารณาในที่ประชุม กบง. ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,378 วันที่ 28-30 มิถุนายน 2561