กะทิชาวเกาะสปีดกำลังผลิตป้อนตลาดต่างประเทศ พร้อมผุดสินค้าใหม่รับเทรนด์ผู้บริโภคห่วงใยสุขภาพ เดินหน้าสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง ดันเป้ารายได้ทะลุ 7,500 ล้าน
นายอภิศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทลงทุนเพิ่ม 50 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังต้องนำเข้ามะพร้าวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักจากประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ในสัดส่วนประมาณ 20-30% ของปริมาณการใช้งานวันละ 8-9 แสนลูก เนื่องจากผลผลิตมะพร้าวภายในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปัจจุบันบริษัท
ส่งสินค้าออกไปทำตลาดในต่างประเทศกว่า 45 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกประมาณ 80%
ขณะที่ในงาน THAIFEX-World of Food ASIA 2018 บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ได้แก่ กะทิพร้อมดื่ม 3 รสชาติใหม่ มะพร้าวอบกรอบ 3 รสชาติใหม่ ผงสังขยาสำเร็จรูป 4 รสชาติ นํ้าจิ้มไก่ สูตรนํ้าตาลน้อยลง และเครื่องแกงสูตรมังสวิรัติ โดยสินค้าใหม่ดังกล่าว ออกมาตอบสนองความต้องการผู้ที่ใส่ใจและดูแลสุขภาพ ซึ่งจะทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ตั้งเป้าหมายสร้างยอดขายกว่า 7,500 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีที่ผ่านมาทำยอดขาย 7,200 ล้านบาท ส่วนปริมาณยอดขายตั้งเป้าเติบโต 10% เนื่องจากปีนี้ราคามะพร้าวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักมีราคาลดลงประมาณ 20-30% ส่งผลให้ราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง แต่บริษัทจะพยายามไม่ปรับราคาลดลง แต่จะหันมาใช้เป็นงบประมาณด้านการส่งเสริมการขาย ด้วยการเป็นเทรดโปรโมชัน เพื่อช่วยในด้านการทำตลาดและสร้างแบรนด์ ซึ่งปีนี้ใช้งบประมาณทำการตลาด 5-10% ของยอดขายเพื่อใช้ในด้านการทำตลาดและการสร้างแบรนด์สินค้า ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้นด้วย
“กะทิชาวเกาะเป็นแบรนด์หลักในการส่งออกกะทิในตลาดโลก โฟกัสของเรายังคงเป็นสินค้ากลุ่มมะพร้าว ซึ่งเราอยู่ในตลาดมากว่า 42 ปี เราจึงต้องมีการปรับตัว ศึกษา และวิเคราะห์ตลาดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรามองเห็นช่องทางในการหาไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น แผนการรุกตลาดเครื่องดื่มในรูปแบบกะทิพร้อมดื่ม ที่ได้เปิดตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะในต่างประเทศลูกค้านิยมมาก ในปีนี้จึงคิดค้นรสชาติใหม่ๆ ออกมาทำตลาด จำนวน 3 รสชาติ ได้แก่ รสงาดำ รสมันม่วง และรสเมลอน”
ด้าน นายธีติพันธ์ เทพผดุงพร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า กลุ่มสินค้าขายดี 3 อันดับแรก คือ กะทิสำเร็จ รูป นํ้ามะพร้าวและนํ้าจิ้มไก่ ซึ่งทั้ง 3 สินค้านี้ได้ขยายตลาดในกลุ่มประเทศต่างๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหลักอยู่ในอเมริกา ส่วนในโซนอื่นๆ เช่นยุโรป เอเชีย และโอเชียเนียยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากดีมานด์ของการบริโภคยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งถ้ามองสัดส่วนของการส่งออกจะอยู่
ที่อเมริกา-แคนาดา ประมาณ 55%, ในยุโรป 13%, โอเชียเนีย 16% (ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์-หมู่เกาะต่างๆ) ส่วนในเอเชียและที่อื่นๆ อีกประมาณ 15% โดยในต่างประเทศผลิตภัณฑ์กะทิกระป๋องยังคงครองความเป็นอันดับ 1
หน้า 35 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3367 ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ค.61