กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีชี้กระแสการทำความผิดผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐาน อย. ปลุกผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยันไม่ได้รับผลกระทบเพราะขายบนช่องทางที่ชัดเจน ด้านสภาเภสัชกรรมสั่งห้ามรีวิวผลิตภัณฑ์ ขณะที่ผู้บริโภคเชื่อคนไทยลืมง่าย
จากกระแสการจับกุมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอาหารเสริมของบริษัท เมจิก สกิน จำกัด ที่มีการผลิตไม่ตรงกับที่ได้จดแจ้งไว้กับองค์การอาหารและยา (อย.) หลังจากที่มีผู้บริโภคร้องเรียนถึงผลข้างเคียงของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ฉลากระบุผลิตโดยบริษัทดังกล่าว และล่าสุดกับยาลดความอ้วนยี่ห้อ ลีน (Lyn) ที่มีผลข้างเคียงทำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้บริโภค และส่งผลกระทบไปยังผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่
ต่อเรื่องดังกล่าวนางสาวเกดกานต์ นิละทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค แอนด์ บี คอสเมติก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางในรูปแบบของ BB เนื้อครีมในรูปแบบซองภายใต้แบรนด์ “นามิ” (NAMI) กล่าวให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่มั่นใจ และต้องมีการไตร่ตรองอย่างรอบครอบในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดยผลกระทบทางตรงน่าจะเกิดขึ้นกับการจำหน่ายบางช่องทาง เช่น การจำหน่ายผ่านออนไลน์ การจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น โดยเฉพ่ะผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารเสริมคงไม่่ใช่กับทุกผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจจะต้องให้ความช่วยเหลือตัวแทนจำหน่ายด้วยการมีใบรับรอง หรือเอกสารที่สามารถตรวจสอบได้สำหรับยืนยันให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นได้มากกว่าเดิม และช่วยทำให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ ขณะที่ส่วนของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะจำหน่ายอยู่บนช่องทางที่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11) ,เทสโก้โลตัสเอ็กเพรส ,ร้าน EVEANDBOY ซึ่งผู้บริโภคเองก็ถึงกับเคยโพสบนโลกออนไลน์ว่า การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางที่ชัดเจนแบบของบริษัทสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้ได้ในระดับหนึ่ง
“ผลกระทบต่อบริษัทยังไม่มี ส่วนช่องทางการจำหน่ายก็ชัดเจน แต่ก็อาจจะมีคำถามจากผู้บริโภคเข้ามามากขึ้น ซึ่งบริษัทก็มั่นใจในผลิตภัณฑ์เพราะได้มีการจดแจ้งทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางโดยรวม แต่น่าจะมีส่งผลเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริมมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นกรณีศึกษาให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงความสำคัญของสลากที่แสดงอยู่บนผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น”
แพทย์หญิงเบญจรมย์ ไกรฤกษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และปรับรูปหน้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะกาลิโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “AGALIGO” กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแต่อย่างใด เพราะด้วยความที่ตนเองเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีใบรับรองอย่างถูกต้องทำให้ผู้บริโภคค่อนข้างมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดี มองว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคในการพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง และอาหารเสริมให้มีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
“เรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการที่ผลิตภัณฑ์มีการรีวิวมาก และมีการโปรโมทผ่านคนที่มีชื่อเสียงก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกกฎหมาย หรือว่าใช้แล้วปลอดภัยเสมอไป โดยสิ่งที่ลูกค้าของแบรนด์พูดถึงคือรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าบริษัทที่มีขนาดใหญ่จะใช้สารที่เป็นอันตรายมาผลิตเครื่องสำอาง เนื่องจากคิดว่าสลากที่อยู่ข้างแพคเกจจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นจริงทั้งหมด”
แหล่งข่าวจากเภสัชกรรายหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริม กล่าวว่า ในส่วนตัวยังไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เพราะผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเป็นของเภสัชฯที่ผลิตและจำหน่ายเอง มีตรารับรองจาก อย. อย่างถูกต้อง แต่ในวงการโดยรวมก็น่าจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเรียนว่าในกรณีของ “ลีน” เอง อย. ก็ไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด มีการเข้าไปตรวจสอบว่าทำถูกต้องตามเอกสาร แต่หลังจากนั้นที่ได้ใบรับรองมาแล้วในส่วนของขั้นตอนการผลิตจะมีการใส่ส่วนผสมที่เป็นอันตรายลงไป อย. ก็คงไม่ได้รับรู้
“พวกเราเองที่เป็นตัวแทนจำหน่ายก็ตกเป็นเหยื่อของเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ตนเองในฐานะตัวแทนจำหน่ายยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ก็มีลูกค้าที่สอบถามเข้ามาบ้าง เพราะความกังวลจากข่าวที่เกิดขึ้น โดยวิธีแก้ปัญหาก็คือการให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ถ่ายรูปโรงงาน และเอกสารรับรองจาก อย. ที่ถูกต้องมาให้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไปตนก็คงไม่กล้ารับเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์อื่นทั่วไปที่ไม่ใช่ของเภสัชฯ และล่าสุดสภาเภสัชกรรมเองก็มีกฎห้ามห้ามรีวิวผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นที่เรียบร้อย”
ด้านผู้บริโภคอย่างนางสาวธีรดา คร้ามศรี กล่าวให้ความเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้เป็นกระแสข่าวที่ใหญ่โตขนาดนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้บริโภคเองก็จะตื่นตระหนกในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็จะเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะคนไทยลืมง่าย และก็ยังหาซื้อผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่นมาใช้เหมือนปกติ อย่างไรก็ดี เรื่องที่เกิดขึ้นก็คงจะช่วยให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวเหล่านี้มากยิ่งขึ้น