ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร : ชีวิตเปรียบเหมือนหนังสือ แต่ละตอนมีเป้าหมายให้ก้าวเดิน

24 ม.ค. 2559 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2559 | 16:00 น.
“หน้าที่ของ สนพ. คือ การกำหนดนโยบาย วางแผน การบริหารและจัดการพลังงานไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ พลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงานอย่างบรูณาการ โดยต้องเชื่อมโยงควบคู่ไปกับมิติอื่นๆ เช่น การลดโลกร้อน การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือสังคม เป็นต้น”

พลังงานถือเป็นปัจจัยพื้นฐานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ ทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการกำหนดนโยบายและวางแผนเพื่อพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรด้านพลังงานไว้ใช้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) หัวเรือใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนทิศทางพลังงานของประเทศ

[caption id="attachment_27707" align="aligncenter" width="400"] ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร[/caption]

ดร.ทวารัฐ เติบโตขึ้นมาในครอบครัวข้าราชการตั้งแต่สมัยยุคคุณปู่ ซึ่งปัจจุบันนับเป็นรุ่นที่ 7 ดังนั้นเส้นทางชีวิตจึงเหมือนถูกลิขิตให้เดินอยู่บนสายของราชการมาตั้งแต่ต้น ดร.ทวารัฐ จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมโยธา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท ด้านปฐพีกลศาสตร์ (Soil Mechanics) จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และได้รับทุนจากกรมทรัพยากรณ์ธรณีให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม (Civil and Environmental Engineering) จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแมสซาซูเส็ตต์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนน้ำมัน และทุนการศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกนี้เองที่ทำให้ ดร.ทวารัฐ ก้าวสู่เส้นทางสายพลังงานและขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ สนพ. ในที่สุด

ดร.ทวารัฐ ฉายภาพความมั่นคงด้านพลังงานของไทยว่า เป็นประเทศที่ได้รับการวางรากฐานด้านกิจการพลังงานมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานน้ำมันหรือพลังงานไฟฟ้า เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายๆ ประเทศ ซึ่งถือเป็นความดีความชอบของผู้ใหญ่หลายๆ ท่านในอดีตที่มีความรู้ มีวิสัยทัศน์ และมีความจริงใจในการพัฒนาประเทศ “การลอยตัวราคาน้ำมัน การเปิดเสรีกิจการน้ำมัน ทำให้เกิดการแข่งขันและการลงทุน ฉะนั้นประเทศที่กิจการพลังงานมีแนวคิดของการเปิดเสรี ภาครัฐเข้าใจในเรื่องของกลไกตลาด กลไกด้านความเสี่ยง และมีการวางกรอบที่ดี ผมว่าประเทศนั้นโชคดี ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศนั้น”

“การจัดสรรเวลาให้ลงตัวและพอเหมาะมีความสำคัญมากต่อชีวิตเราทุกคน” เนื่องด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้อำนวยการ สนพ. เวลาในแต่ละวันของ ดร.ทวารัฐ จึงหมดไปกับการทำงานเป็นส่วนใหญ่จนบางครั้งอาจจะต้องเสียสละเวลาส่วนตัวไปบ้าง แต่หลักในการบริหารเวลาส่วนตัวกับเวลาทำงานที่ยึดถือและนำมาปฏิบัติใช้อยู่เสมอคือ การพยายามทำงานต่างๆ ภายใต้ความรับผิดชอบให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็วที่สุดอย่างไม่รีรอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดร.ทวารัฐ ได้เรียนรู้เมื่อครั้งที่เดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก เพื่อที่จะได้มีเวลากลับไปดูแลคุณแม่และครอบครัวได้มากขึ้น

“การศึกษาในระดับปริญญาเอกทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า เราต้องสร้างงานที่เป็นของเราเองไม่ใช่ลอกเลียนแบบมาจากคนอื่น ต้องทำทุกอย่างให้ลุล่วงด้วยความสามารถของตัวเองไม่ใช่รอพึ่งคนอื่น และต้องมีแรงขับเคลื่อนที่สามารถสร้างกำลังใจและผลักดันตนเองจากความท้อแท้ได้”

ดร.ทวารัฐ ได้เล่าถึงแนวคิดของการทำงานอย่างมีความสุขด้วยความเป็นกันเองว่า ตนเองได้แบ่งชีวิตออกเป็นบทย่อยๆ โดยในแต่ละบทจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องทำอะไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาท่านสามารถเดินถึงจุดหมายได้อย่างไม่พลาดเป้า การเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นเพียงข้าราชการ แต่ยังเป็นครอบครัวนักกีฬาที่คุณพ่อของ ดร.ทวารัฐ ก็เคยเป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยมาก่อนเข้ารับราชการประกอบกับพี่ชายเองก็เล่นกีฬาฟุตบอลเก่งไม่แพ้กัน ดร.ทวารัฐ เองแม้ไม่ได้โดดเด่นในด้านนี้แต่ได้รับการปลูกฝังให้รักการออกกำลังกายตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่างานโดยตำแหน่งจะหนักแค่ไหน ดร.ทวารัฐ จะจัดเวลาเพื่อการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกีฬาที่ชอบเป็นพิเศษก็คือการออกรอบเล่นกอล์ฟ เพราะนอกจากได้สัมผัสอากาศดีๆ แล้ว ยังเป็นกีฬาที่สามารถจัดเวลาของตนเองได้ลงตัวที่สุดอีกด้วย

“ชีวิตคนเราเหมือนหนังสือที่แบ่งออกเป็นบท ชีวิตวัยเรียนก็บทหนึ่ง ชีวิตมหาวิทยาลัยก็บทหนึ่ง ชีวิตการทำงานก็บทหนึ่ง แต่ละช่วงแต่ละตอนจะมีเป้าหมายที่ถูกวางไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร” และนี่คืออีกบทชีวิตหนึ่งของผู้ชายที่ชื่อว่า ทวารัฐ สูตะบุตร

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,125 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2559