ดุสิตฯรุกกลุ่มมิลเลนเนียล

29 มี.ค. 2561 | 06:27 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มี.ค. 2561 | 13:53 น.
ดุสิตจัดทัพธุรกิจ ผุดแบรนด์ใหม่ “อาศัย” ภายใต้การดูแลของ Gen 3 รุกรับบริหารโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ เจาะกลุ่มมิลเลนเนียล ชี้มีแบรนด์นี้ในมือแล้ว 6 แห่ง เปิดแห่งแรกในโครงการมิกซ์ จตุจักร พร้อมแจงตัดใจขายโรงแรมที่โคราช ให้เสี่ยเจริญ เหตุทนการแข่งขันตัดราคาไม่ไหว ทั้งเดินหน้าขยายสู่ธุรกิจอาหาร

ทิศทางการลงทุนของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ไม่เพียงร่วมทุนกับบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด ลงทุน 3.67 หมื่นล้านบาท ก่อสร้างโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่เตรียมจะปิดโรงแรมในวันที่ 5 มกราคม 2562 เพื่อก่อสร้างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯโฉมใหม่แต่คงเอกลักษณ์เดิม คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 3-4 ปี อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า คาดว่าจะใช้เวลากว่า 7 ปีจึงจะแล้วเสร็จทั้งโครงการ

[caption id="attachment_271121" align="aligncenter" width="363"] MP22-3351-2A ศิรเดช โทณวณิก[/caption]

ขณะเดียวกันทางดุสิต ยังมีการจัดทัพธุรกิจใหม่ ล่าสุดเตรียมจะเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ ภายใต้ชื่อว่า “ASAI” (อาศัย) ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมใหม่ล่าสุดในเครือดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล เน้นลูกค้านักเดินทางยุคใหม่ โดยแบรนด์ใหม่นี้ เป็นรูปแบบที่พัฒนาและบริหารแบรนด์คอนเซ็ปต์ โดย “ศิรเดช โทณวณิก” ทายาทรุ่น 3 ของตระกูล รวมไปถึงการขายทรัพย์สินที่ไม่ทำกำไร อย่างการขายโรงแรม ดุสิต ปริ๊น เซส โคราช ให้กับกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี และการแตกไลน์ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ ในนามดุสิต ฟู้ดส์

นายศิรเดช โทณวณิก กรรมการผู้จัดการ อาศัย โฮลดิ้งส์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แบรนด์ “ASAI” (อาศัย) เป็นแบรนด์โรงแรมใหม่ในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จะมีการ เปิดตัวแบรนด์ในวันที่ 3 เมษายนนี้ ซึ่งจะมี 6 โรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่แบรนด์อาศัย จะเข้าไปรับบริหารโรงแรมให้ โดยโรงแรมเหล่านี้อยู่ระหว่าง การก่อสร้าง

ทั้งนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับลูกค้านักเดินทางยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แบบมิลเลนเนียล ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยโรงแรมแห่งแรกที่บริหารโดยแบรนด์อาศัย คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้ คือ โครงการมิกซ์ จตุจักร ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัท ธนสารสมบัติพัฒนา จำกัด ที่ประกอบด้วยห้องพักรวม 250 ห้อง ตัวโรงแรมใหม่นี้จะตั้งอยู่ใจกลางตลาดนัดจตุจักร แหล่ง ช็อปปิ้งยอดฮิตที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักช็อปปิ้งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 4 แสนคนช่วงสุดสัปดาห์ มีจำนวนแผงค้ากว่า 8,000 ร้าน และอยู่ใกล้กับตลาด อ.ต.ก. ซึ่งได้รับการยกย่องจากซีเอ็นเอ็นให้เป็นหนึ่งในตลาดสดที่ดีที่สุดของโลก

MP22-3351-1A ส่วนเหตุผลที่ดุสิตธานี ตัดสินใจขายโรงแรม ดุสิตปริ๊นเซส โคราช ให้กับกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี แหล่งข่าวกล่าวว่า เป็นเพราะมีการแข่งขันการตัดราคาค่าห้องพักในจังหวัดนครราชสีมาสูงมาก มีโรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากและผลประกอบการที่ผ่านมาขาดทุนมาตลอด อีกทั้งยังมีจำนวนที่ดินถึง 29 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เหมาะกับการพัฒนาเป็นศูนย์การค้าหรือคอมมิวนิตีมอลล์ แต่ดุสิต ไม่ถนัดในการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงตัดสินใจขาย โดยได้แจ้งกับตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่ามีการขายโครงการนี้มูลค่าราว 500 ล้านบาทเมื่อปลายปีที่แล้ว

ทั้งนี้โรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส โคราชเปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2536 ตั้งอยู่ถนนสุรนารายณ์ เป็นอาคารสูง 9 ชั้น มีห้องพัก 186 ห้อง ห้องประชุม 6 ห้องปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น โรงแรม อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช
สำหรับการรุกขยายสู่ธุรกิจอาหาร นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด เพื่อขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของดุสิตธานี และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

โดยจะนำบริษัทดังกล่าวเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (NRIP) ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยว ชาญด้านการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่เป็นอาหารแห้ง ส่วนผสมของอาหาร และเครื่องปรุงรสแบบต่างๆ ให้กับลูกค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติชั้นนำในประเทศ และลูกค้าทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ตลอดจนผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง อาทิ พ่อขวัญ, Lee, Thai Delight, DEDE, และ Shanggie โดย ดุสิต ฟู้ดส์ จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนราว 26% มูลค่าลงทุน 660 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนในธุรกิจอาหารครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนนอกธุรกิจโรงแรมเป็นครั้งแรกของดุสิตธานี และเป็นการขับเคลื่อนการลงทุนต่อเนื่องจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม ซึ่งเป็นการตอกยํ้ากลยุทธ์ทั้ง 3 ด้านของดุสิตธานีที่วางไว้ นั่นคือ การขยายการเติบโต การกระจายความเสี่ยง และสร้างความสมดุล เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัท ในระยะยาว โดยผลประกอบการของดุสิตในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 5,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% มีกำไรสุทธิ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากปีก่อน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,351 วันที่ 25 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว