สุขใดหรือจะเท่า การได้เข้าห้องนํ้าเมื่อต้องการปลดทุกข์ แต่ด้วยวิถีชีวิตของคนเมืองที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่นได้นำพาความสุขของคนเมืองให้หายไป ด้วยโจทย์ปัญหาของการใช้ชีวิตดังกล่าว “สุธินี กิตติภัทรากุล” ได้เล็งเห็นช่องทางในการแก้ปัญหา เพื่อนำพาความสุขกลับคืนมาให้กับผู้บริโภคที่อยู่ในเมือง และเริ่มก่อตั้งธุรกิจขึ้นภายใต้แบรนด์ “WC PLUS+”
[caption id="attachment_268997" align="aligncenter" width="503"]
สุธินี กิตติภัทรากุล[/caption]
++ตอบโจทย์วิถีคนเมือง
สุธินี ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิตโมลด์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มีจุดเริ่มต้นของธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2559 โดยมีวัตถุประสงค์ในการคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของผู้ที่ต้องดำเนินชีวิตประจำในเมืองภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “กรวยปัสสาวะสำหรับผู้หญิง” เนื่องจากเห็นว่าผู้บริโภคจำนวนมากมักจะประสบปัญหาในการเข้าห้องนํ้าจากการเดินทาง หรือมีห้องนํ้าแต่ก็ไม่สะอาด ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะ เพราะไม่สะดวกที่จะใช้ห้องนํ้า ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพตามมา เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลิตภัณฑ์ลำดับแรกที่ออกมาจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะผู้บริโภคต้องการให้ทำผลิต ภัณฑ์ที่สามารถใช้บนรถได้ เนื่องจากปัญหาการจราจรที่แออัด และผลิตภัณฑ์เดิมถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับยืนปัสสาวะในห้องนํ้า อีกทั้งด้วยความที่ตนเองก็เป็นคนกรุงเทพมหานครจึงมีประสบการณ์ และเข้าใจปัญหาดังกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงคิดว่าควรที่จะหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้บริโภค
แบรนด์ WC PLUS+ จึงมีผลิตภัณฑ์ในลำดับถัดมาภายใต้ชื่อ “WC PEEC” ซึ่งได้มีการปรับปรุง และพัฒนาให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเป็นห้องนํ้าพกพาที่ใช้ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในรถ หรือเวลาไปแคมปิ้ง ซึ่งออกมาทำตลาดช่วงประมาณเดือนเมษายน 2560
++ล็อกของเหลวและกลิ่น
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ “WC PEEC” นั้น สุธินี บอกว่าอยู่ที่ การนำนวัตกรรม ที่เรียกว่าลิควิดดอป (Liquidop TM) ซึ่งเป็นนวัตกรรมล็อกของเหลวมาผสมผสานกับนวัตกรรมการเก็บกลิ่นทำให้สามารถใช้งานบนรถได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหกเลอะเทอะ ซึ่งทำให้ใช้งานง่ายได้สะดวกทุกที่ โดยใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัยในผลิตภัณฑ์เดียว อีกทั้งในถุงที่เก็บปัสสาวะยังมีขนาดความจุได้ถึง 1 ลิตร ซึ่งทำให้ผู้ใช้ที่ปัสสาวะครั้งละไม่มากใช้งานได้หลายครั้ง เพราะในกล่องผลิตภัณฑ์จะมีแผ่นแอลกอฮอล์ให้ด้วย และมีซิบล็อกปากถุงให้อย่างดี
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเรื่องดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาให้น่าใช้งาน ให้ผู้บริโภคเห็นแล้วมั่นใจที่จะใช้งาน ขณะที่การใช้งานเราก็จะมีผ้าคลุมคล้ายกับผ้าคลุมสำหรับตัดผมที่ปิดถึงหัวเข่าให้ด้วย เมื่อซื้อกล่องใหญ่ 5 ชิ้น และมีถุงให้อีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันการสกปรก นอกจากนี้ สิ่งที่ช่วยตอกยํ้าความมีคุณภาพ และงานดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ “WC PEEC” คือการได้รับรางวัล Demark,GOOD DESIGN และรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติอันดับ 1 (NATIONAL DESIGN INNOVATION CONTEST 2017)
++ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ด้านช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สุธินี บอกว่า ปัจจุบันมีจำหน่ายที่โฮมโปรทุกสาขา, ร้านซีเอ็ดเฉพาะสาขาในกรุงเทพมหานคร และร้านขายยาเฮลท์ตี้แมกซ์ (Healthy Max) ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 6 สาขาตามโรงพยาบาล และบนช่องทางออน ไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก (wcplusth) ไลน์ (@wcplus) และเว็บไซต์ (www.wcplusthailand.com) ส่วนกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้าในปีนี้ จะมุ่งเน้นการทำตลาดออฟไลน์มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทกำลังจะร่วมทำธุรกิจกับคิงเพาเวอร์เพื่อจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์
ทั้งนี้ บริษัทยังจะดำเนินการในเรื่องของการนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ร้านขายยา เพราะเป็นช่องทางที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทโดยตรงจากผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้ ที่สำคัญยังไม่ต้องโปรโมตก็สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรงซึ่งมีปัญหาอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ล่าสุดยังมีตัวแทนจำหน่ายที่พยายามจะนำผลิตภัณฑ์ “WC PEEC” ไปจำหน่ายในโรงพยาบาลให้แทนบริษัท เสมือนเป็นพาร์ต เนอร์ร่วมทำธุรกิจด้วยกันแต่ก็จะต้องมาหารือกันในรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
“บริษัทยังคงเปิดรับตัวแทนจำหน่ายเพื่อทำตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายแล้วประมาณ 20 ราย ขณะที่บางรายเปิดร้านขายยาก็มีที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปจำหน่าย และบางรายที่ซื้อไปจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ในกลุ่ม หรือกรุ๊ปของตน”
ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดเท่าใดนัก แต่ก็มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายอยู่ที่กู๊ด ยูส ดีไซน์สโตร์ (Good Design Store)ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี (Central Embassy) เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับรางวัลกู๊ดดีไซน์จากญี่ปุ่น ทำให้ได้รับการคัดเลือกเข้าไปจำหน่าย อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคจากต่างประเทศ เพราะเป็นไอเดียที่ดีลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อติดกลับไปกัน โดยบางรายมาจากประเทศที่รถติดมากก็จะซื้อกลับไป
“ที่ต่างประเทศผลิตภัณฑ์แบบเราไม่ค่อยมีจำหน่าย ถึงจะมีก็ไม่เหมือนและไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลแบบของบริษัท เพราะเราทำด้วยคุณภาพ และมีรางวัลการันตีมากมาย อีกทั้งเรายังเจาะกลุ่มนักเดินทาง และกลุ่มที่เดินทางไปต่างประเทศเช่น ประเทศจีน และอินเดีย ซึ่งจะมาซื้อของเราเยอะมาก เพราะห้องนํ้าที่นั่นไม่ค่อยสะดวก หรือบางทีไม่มีห้องนํ้าเลย โดยเฉพาะที่อินเดียนี่ลำบากมากบริษัทต้องการที่จะเข้าไปทำตลาดกับบริษัททัวร์ และพยายามที่จะเข้าไปเจรจาเพื่อขอทำธุรกิจร่วมด้วย”
++เป้ารายได้ 10 ล้านบาท
สุธินี บอกต่อไปอีกว่า ปีนี้บริษัทยังเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยยังอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์การเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับห้องนํ้า แต่จะมีการใช้งานที่ต่างวัตถุประสงค์กัน ซึ่ง 1 ใน 3 ผลิตภัณฑ์จะเป็นการนำ “กรวยปัสสาวะสำหรับผู้หญิง” มาปรับปรุง และพัฒนาให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม โดยจากกลยุทธ์การทำตลาดเพิ่มเติมเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมของรายได้อาจจะดูไม่มากเท่าใดนัก เพราะผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นแบบที่ใช้เฉพาะในเวลาที่จำเป็น และตนก็ไม่ได้เป็นนักการตลาด จึงยังไม่ได้มีการทำตลาดอย่างเต็มศักยภาพ
ส่วนกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยไขประตูไปสู่ความสำเร็จ มองว่าอยู่ที่การคำนึงถึงลูกค้าเป็นลำดับแรก โดยต้องคิดว่าลูกค้าจะมีความสุขกับสิ่งใด และต้องการผลิตภัณฑ์อะไร เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวนั้นได้หรือไม่ ต้องไม่คิดไปเองว่าผลิตภัณฑ์ของเราดี แต่เมื่อไปถามความเห็นจากลูกค้ากลับได้รับคำตอบว่าไม่ใช่ ที่สำคัญจะต้องสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยลูกค้าจะเป็นปัจจัยที่นำพาธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะการตลาดยุคใหม่มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การบอกต่อ
“ผู้บริโภคยุคปัจจุบันเลือกที่จะเชื่อเพื่อนมากกว่าเน็ตไอดอล หรือดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์ซึ่งถูกว่าจ้างให้เป็นพรีเซนเตอร์ เพราะไม่รู้สึกว่าเป็นผู้ใช้งานจริง แต่หากเป็นเพื่อนแนะนำมาก็แทบจะไม่ต้องพิสูจน์อะไรเลย เนื่องจากเป็นคนใกล้ตัว และผลิตภัณฑ์ของเราส่วนใหญ่ก็ขยายตลาดได้จากการบอกต่อ”
สัมภาษณ์ : นิธิโรจน์ เกิดบุญภาณุวัฒน์
ภาพ : สิทธิศักดิ์ วงศ์ปรากฏ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561