เภสัชจ่อลดนำเข้ายา6พันล้าน

22 ก.พ. 2561 | 04:46 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.พ. 2561 | 11:46 น.
อภ. เดินแผนงานปี 61 มุ่งสู่ความมั่นคงทางยา ตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี พร้อมช่วยรัฐประหยัดเงินปีละ 6,000 ล้าน ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ

น.พ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยถึงทิศทางการบริหารงานในปี 2561 ว่า ได้ตั้งเป้ายอดจำหน่ายยาไว้ 1.58 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตในอัตรา 5% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งเป็นยาและเวชภัณฑ์ที่องค์การ ผลิตมูลค่า 7,800 ล้านบาท ยาและเวชภัณฑ์ผู้ผลิตอื่นมูลค่า 8,000 ล้านบาท โดยองค์การไม่ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์ แต่มุ่งเน้นในด้านความมั่นคงทางยา ที่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการของประชาชน และที่สำคัญช่วยให้ประเทศประหยัดเงินจากการซื้อยาต่างประเทศได้ปีละ 6,000 ล้านบาท

[caption id="attachment_260262" align="aligncenter" width="327"] น.พ.นพพร ชื่นกลิ่น น.พ.นพพร ชื่นกลิ่น[/caption]

โดยปีที่ผ่านมาองค์การ มียอดจำหน่ายยากว่า 1.59 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559ที่ 4.9% ที่มียอดขายกว่า 1.51 หมื่นล้านบาท

น.พ.นพพร กล่าวอีกว่า ในปีนี้โรงงานผลิตยารังสิต 1 จะได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP ระดับสากล WHO Prequalified ในหมวดยาต้านไวรัสเอดส์ Efavirenz tablets โรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เปิดดำเนินการทดสอบผลิตภายในปี 2561 โรงงานเภสัชเคมีภัณฑ์ โรงงานพระราม 6 ได้มาตรฐานสากล GMP PIC/S และจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยื่นขึ้นทะเบียนหรือถ่ายทอดเทคโนโลยี ประมาณ 13 รายการ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยื่นขึ้นทะเบียนเป็นอันดับแรก จำนวน 5 รายการ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเลขทะเบียน 6 รายการ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกจำหน่าย 9 รายการ และรายการยาเชิงสังคมที่ผลิตหรือจัดหาได้ตามนโยบายภาครัฐ จำนวน 5 รายการ มีการเพิ่มศักยภาพในการผลิตยา กลุ่ม NCD โดยเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานผลิตยารังสิต 1 อีกประมาณ 2,200 ล้านเม็ด ให้ทันต่อความต้องการในปี 2563 และมีการจัดหาและสำรองยา นโยบายเชิงสังคม เช่น ยาCL หรือยากำพร้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ซึ่งการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านการผลิตและจัดหา

“ตามแผนยุทธศาสตร์ประจำปี 2559 - 2563 องค์การจะมุ่งเน้นการลงทุนด้านการผลิตและจัดหา ได้แก่ การปรับปรุงสถานที่ผลิต การปรับปรุงและพัฒนาระบบผลิต ระบบประกันคุณภาพ ระบบสนับสนุนการผลิตที่โรงงานพระราม 6 เพื่อรักษาระดับมาตรฐาน GMP รวมทั้งการลงทุนเพื่อเพิ่มสายการผลิตในโรงงานผลิตยารังสิต 1 การลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมในการย้ายสถานที่ผลิตเภสัช เคมีภัณฑ์มายังอาคารแห่งใหม่ที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ ให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและมีความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ที่องค์การเภสัชกรรมผลิต”

ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นการดำเนินงานด้านการตลาดและบริการ ที่จะเพิ่มตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ กลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ ชุดตรวจ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร วัคซีน เป็นต้น รวมถึงแผนเพิ่มช่องทางการขายปลีกผ่านร้านขายยาที่มีรูปแบบเชน ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการบริหารจัดการองค์กร ที่มีแผนพัฒนาระบบบริหารจัดการองค์กรดิจิตอลตามหลักธรรมาภิบาล การนำระบบ ERPใหม่ทดแทนระบบเดิม และยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการพัฒนาสมุนไพร โดยดำเนินการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสมุนไพรที่มีศักยภาพ และเป็นการสนองนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เกิดการยอมรับและใช้เป็นทางเลือกในการรักษา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว