แมนพาวเวอร์ฯเผยโตตามเป้า 3.9พันล.ปี 61ชูกลยุทธ์นวัตกรรมโตต่อ

25 ม.ค. 2561 | 06:33 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ชี้ปี60เดินหน้าขยายงานทั้งในส่วนของการบริการ การพัฒนาด้านนวัตกรรมแรงงาน และจัดหาแรงงานที่ตอบโจทย์ตลาด โดยได้รับการตอบรับที่ดีด้วยความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และแรงงานทุกระดับ ทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่ 3,900 ล้านบาท และปี 2561 พร้อมเดินหน้าเต็บสูบชูกลยุทธ์ วิเคราะห์การปรับตัวของตลาดแรงงานไทย พัฒนาแรงงานทักษะที่เข้าถึงความต้องการด้วย “บริการคุณภาพ เข้าถึงความต้องการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจยุคไทยแลนด์ 4.0”

มร. ไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เผยว่า ทิศทางด้านตลาดแรงงานในประเทศไทยมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้านภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจในประเทศมีการเปลี่ยนแปลง หมุนไปตามกระแสเศรษฐกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยีทั้งในระดับโลก เอเชีย และในประเทศไทย จะเห็นได้จากการลงทุนในระดับมหภาคที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตขึ้นจากการขยายงานหลายภาคส่วน อาทิ ภาครัฐที่ปัจจุบันต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

manp

ทำให้บริษัทได้มีส่วนในการนำแรงงานคุณภาพเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ภาคเอกชนทั้งกลุ่มบริษัทต่างชาติและกลุ่มบริษัทในประเทศไทย ที่มีการเปลี่ยนทิศทางการลงทุน การบริหารจัดการ รวมถึงการขยายตัวในภาคธุรกิจต่างๆ ทำให้ต้องการที่ปรึกษาด้านแรงงานที่มีศักยภาพและมาตรฐานเข้าไปบริหารจัดการด้านแรงงาน ทำให้ในปี 2560 ได้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่วางไว้คือ 3,900 ล้านบาท

การเติบโตของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงสถานการณ์ด้านแรงงานในประเทศไทยที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอนาคตที่ประเทศไทยมีการลงทุน และการพัฒนา อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเชื่อมไปถึง ระยอง โคราช เชียงใหม่ หัวหิน ซึ่งมองว่าจะเกิดการพัฒนาที่เติบโตขึ้น และจะมีแรงงานใหม่ เกิดการขยายการจ้างงานขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นนโยบายภาครัฐที่มีการลงทุนด้านการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor Development (EEC) ซึ่งทิศทางในระยะ 3 – 5 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างแน่นอน

manp1

การลงทุนจากประเทศจีนที่มีเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น การขยายตัวของแรงงานทั้งในแถบอาเซียน และกลุ่ม CLMV การพัฒนาพื้นที่ การวางแผนด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการวางรากฐานที่ดีของภาครัฐนั้นจะทำให้ประเทศเกิดการพัฒนา และส่งผลต่อตลาดแรงงานในประเทศอย่างแน่นอน

ด้านนายวรรณชัย ไพบูลย์บารมี ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า ปี2561นี้แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย จะชูกลยุทธ์ 3 ส่วนหลัก คือ 1. มุ่งเน้นการบริการด้วยคุณภาพวิเคราะห์ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง 2. การพัฒนาทักษะแรงงาน โดยวางแผนพัฒนา Manpower Academy เพื่อเตรียมความพร้อมของแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน 3. การพัฒนาด้านเทคโนโลยีในกระบวนการด้าน HR เชื่อมต่อกับลูกค้าและพนักงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการ การบริการในปีนี้ยังคงวางแนวทางในการบริการหลักเช่นเดิม หากแต่จะชี้เป้าเจาะลึกในทุกส่วนมากขึ้นให้มีความพร้อมในการบริการลูกค้าและส่งผู้สมัครงานที่เหมาะสมได้ทันตามความต้องการ

manp2

“แม้มีคู่แข่งในตลาดหลายราย แต่เรายังได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในการรักษามาตรฐานการบริการด้วยราคาที่เหมาะสม เราให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกับลูกค้า การแก้ปัญหาให้กับลูกค้าอย่างทันท่วงที รวมถึงส่งผู้สมัครให้ทันความต้องการด้วยระบบต่างๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นมา ทำให้เกิดความถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งเป็นจุดยืนของเราเสมอมา” นายวรรณชัย กล่าวทิ้งท้าย

นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า อัตราความต้องการของ ตลาดแรงงานและภาคแรงงานในปัจจุบันที่เราเก็บผลสำรวจทั้ง 2 ส่วน ตั้งแต่ต้นปี 2560 ทำให้ทราบถึงสัดส่วนความต้องการ 10 อันดับ ดังนี้

manp3

10 อันดับแรกสายงานที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ได้แก่ 1. งานขายและการตลาด ร้อยละ 21.59 2. งานบัญชีและการเงิน ร้อยละ 12.21 3. งานไอที ร้อยละ 10.12 4. งานวิศวกร ร้อยละ 8.25 5. งานบริการลูกค้า ร้อยละ 8.14 6. งานการผลิต ร้อยละ 6.22 7. งานธุรการ ร้อยละ 6.05 8. งานขนส่งและโลจิสติกส์ ร้อยละ 5.37 9. งานทรัพยากรบุคคล ร้อยละ 4.30 10. งานระดับผู้บริหาร ร้อยละ 3.50

728x90-03-3-503x62-3-503x62

10 อันดับแรกสายงานที่เป็นที่ต้องการของแรงงาน ได้แก่ 1. งานขายและการตลาด ร้อยละ 20.55 2. งานวิศวกร ร้อยละ 12.35 3. งานธุรการ ร้อยละ 11.67 4. งานขนส่งและโลจิสติกส์ ร้อยละ 9.59 5. งานบริการลูกค้า ร้อยละ 9.25 6. งานทรัพยากรบุคคล ร้อยละ 7.57 7. งานบัญชีและการเงิน ร้อยละ 6.26 8. งานไอที ร้อยละ 6.15 9. งานการผลิต ร้อยละ 5.44 10. งานด้านภาษาต่างประเทศ ร้อยละ 2.06

นางสาวสุธิดา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แนวโน้มตลาดแรงงานปี 2561 มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบการทำงาน ลักษณะการจ้างงานและตลาดงานที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านของดิจิตัล (Digital Transformation) รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ การตื่นตัวทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั้งในส่วนของตลาดงานและแรงงาน จึงนับว่าเป็นความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องรับมือให้ทันกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-11-503x62