“บีทีเอส” จัดทัพธุรกิจ! โอนพอร์ตแอสเสตบิ๊กล็อตให้ “บมจ.ยู ซิตี้” ผงาด รุกอสังหาฯ เน้นลงทุนระยะยาว ดันเพิ่มทุน 1.5 หมื่นล้านต้นปี ด้าน “คีรี” ลั่น! ขยายโรงแรม 3 หมื่นห้อง กันงบ 3 แสนล้าน ลุยโครงสร้างพื้นฐาน
การจัดทัพธุรกิจของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส มีความชัดเจนขึ้น โดยการลงทุนระบบขนส่งมวลชนจะดำเนินการภายใต้ บริษัท บีทีเอสซีฯ ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ บริษัท ยูนิคอร์น เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด จะโอนมาอยู่ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบีทีเอสถือหุ้นอยู่ 35.64% เพื่อให้บริษัทนี้เป็นหัวหอกที่มุ่งเน้นลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องของกลุ่ม
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กล่าวว่า การประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.ยู ซิตี้ ในวันที่ 4 ม.ค. นี้ จะมีการขอมติผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนอีก 15,000 ล้านบาท นำเงินไปซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จากบีทีเอส เช่น อาคารทีเอสที ทาวเวอร์, ที่ดินเขาใหญ่, คอนโดมิเนียมในส่วนที่บีทีเอสร่วมลงทุนกับ บมจ.แสนสิริ ซึ่งมีแผนพัฒนาร่วมกันกว่า 21 โครงการ มูลค่าราว 1 แสนล้านบาท ก่อสร้างแล้ว 10 โครงการ รวมถึงการโอน บริษัท แอ็บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ (AHS) ซึ่งรับบริหารโรงแรมแบรนด์ อีสติน, แบรนด์ ยูโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ให้เข้าอยู่ภายใต้ บมจ.ยู ซิตี้
[caption id="attachment_240042" align="aligncenter" width="503"]
กวิน กาญจนพาสน์[/caption]
“การนำ AHS เข้ามาอยู่ใน บมจ.ยู ซิตี้ เมื่อร่วมกับ เวียนนา เฮ้าส์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจจากจุดเด่นของ 3 แบรนด์ ที่ต่างกัน เช่น แบรนด์ยูโฮเทล จะบริหารบูติก รีสอร์ตขนาดไม่เกิน 100 ห้อง, แบรนด์อีสติน เจาะตลาดนักท่องเที่ยว ส่วนเวียนนา เฮ้าส์ เป็นตลาดคอร์ปอเรต ซึ่งการลงทุนในยุโรป มองว่า เราซื้อแบรนด์โรงแรมเพื่อนำมาต่อยอดสร้างรายได้ระยะยาว”
ด้าน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กล่าวว่า ขณะนี้มีแผนจะซื้อเชนโรงแรมอีก 2 แห่ง ในยุโรป ถ้าตกลงกันได้ คาดว่าจะใช้เงินอีกราวกว่าหมื่นล้านบาท โดยเป็นเชนรีสอร์ตและสปาเพื่อสุขภาพขนาดเท่า ๆ กับเวียนนา เฮ้าส์ ส่วนอีกเชนเป็นโรงแรมในเมือง ไม่เกิน 200 ห้อง
[caption id="attachment_122320" align="aligncenter" width="503"]
นายคีรี กาญจนพาสน์ประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS)[/caption]
ส่วนการร่วมลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มาอยู่ภายใต้ ยู ซิตี้ จะทำให้มีพอร์ตใหญ่ขึ้น เมื่อรวมโรงแรมและอสังหาฯ ที่ทยอยโอนเข้ามา เฉพาะในส่วนของโรงแรมรวม 3 แบรนด์ ปัจจุบัน มีห้องพักรวมกันกว่า 1.9 หมื่นห้องแล้ว ถ้ารวมที่เราจะซื้อเพิ่มอีกต่อไป ก็จะมีกว่า 3 หมื่นห้อง จะทำให้เรามีพลังที่จะไปต่อรองกับนักลงทุนในการขยายธุรกิจ
นายคีรี ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแผนขยายธุรกิจในช่วง 5 ปี ยังเน้นการลงทุนใน 4 ด้านหลัก คาดว่าใช้งบลงทุนร่วม 1.1 แสนล้านบาท ช่วง 3 ปี โดยด้านแรกเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งช่วง 3 ปี อยู่ระหว่างลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) มูลค่าการลงทุนราว 1 แสนล้านบาท
“ปีหน้าหากดูทีโออาร์ที่รัฐบาลเปิดให้เอกชนเข้าดำเนินการอีกหลายโครงการ แล้วเวิร์ก เราจะประมูลแน่นอน ซึ่งคาดว่าการลงทุนน่าจะอยู่ราว 3 แสนล้านบาท โดยผมได้ตั้งงบลงทุนไว้แล้ว”
ด้านที่ 2 เป็นธุรกิจสื่อโฆษณาภายใต้ บมจ.วีจีไอ ด้านที่ 3 เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มองการลงทุนระยะยาว ไม่ได้ขาย เน้นซื้ออสังหาฯ ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุน โดยให้ ยู ซิตี้ เป็นศูนย์รวมของการลงทุน และด้านที่ 4 คือ ธุรกิจด้านบริการ ซึ่งตอนนี้เหลือแต่ร้านอาหาร
“จากธุรกิจใน 4 ด้านนี้ มองว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ เฉลี่ยจะมีกำไรเพิ่มขึ้นของทั้งกรุ๊ป ปีละ 25% จากปี 2561/2562 ปัจจุบัน มีกำไรสุทธิราวกว่า 2 พันล้านบาท ในอนาคตรายได้กว่า 60% จะมาจากการลงทุนระบบขนส่งมวลชน” นายคีรี กล่าว
——-
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14-16 ธ.ค. 2560 หน้า 01+02