นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บริษัท เบญจจินดา
โฮลดิ้ง จำกัด เปิดห้องทำงานชั้นเอ็ม อาคารเบญจจินดา ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ใช้หลักคิดตามแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร “ในหลวง ร.9” มาบริหารจัดการองค์กร ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้แนวความคิดดังกล่าวฟื้นฟูธุรกิจในเครือ จนวันนี้ยืนบนขาตัวเองได้อย่างมั่นคง และเติบโตได้โดยไม่ต้องพึ่งดีแทค หรือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) “แต่ก่อนเราเหมือนลูกนก แต่ตอนนี้เราสามารถโบยบินไปทำธุรกิจที่โน่นที่นี่ ยูไอเอช หรือบริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด เป็นบริษัทลูกให้บริการวงจรสื่อสัญญาณข้อมูลและอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ไปลงทุนที่ประเทศเมียนมา และมีรายได้เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มธุรกิจเบญจจินดา”
นอกจากนี้แล้วยังได้เรียนรู้จากในหลวง ร.9 ทุกครั้ง ที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯต่อเนื่องกัน 7 ครั้ง เพื่อเข้ากราบบังคมทูลรายงานโครงการสำนึกรักบ้านเกิด ซึ่งพระองค์พระราชทานแนวทางการพัฒนาเยาวชน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในอนาคต รวมถึงการใช้สื่อสารสนเทศ ที่พระองค์ท่านทรงเห็นว่าจะมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อไปในอนาคต
[caption id="attachment_219546" align="aligncenter" width="503"]
บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บริษัท เบญจจินดา
โฮลดิ้ง จำกัด[/caption]
“ช่วงนั้นผมก็ได้ไปที่กระทรวงพาณิชย์เพื่อทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ความเข้าใจของผมก็คล้ายกับคนทั่วไป คือ การทำผักสวนครัวรั้วกินได้ การปลูกพืชปลูกผัก และอยู่กันแบบประหยัดๆ ก็เลยจดทะเบียนขอตั้งบริษัทชื่อ เศรษฐกิจพอเพียง ปรากฏว่าชื่อนี้ว่างอยู่เลยจดทะเบียนได้ ด้วยความดีใจได้เข้าไปกราบบังคมทูลว่าได้ชื่อนี้มา พระองค์ท่านบอกว่า อย่าใช้เลย คนจะพากันเข้าใจว่ามันจน จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เศรษฐกิจร่วมด้วยช่วยกัน จำกัด”
แนวคิดดังกล่าวหลักสำคัญนอกจากให้ช่วยเหลือตัวเองแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงสังคมรอบข้าง ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านเคยถามว่า ภายในบริษัทมีพนักงานกี่คน ก็กราบบังคมทูลว่ารวมๆ ทั้งหมดมีกว่า 5,000 คน บอกว่าดีแล้ว พยายามรักษางานและลูกน้อง 5,000 คนเอาไว้ เมื่อ 5,000 คนมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจด้านการงานแล้วก็จะช่วยคน 5 หมื่นคนให้มีความมั่นคงและ 5 หมื่นคนก็จะทำให้ 5 แสนคนมีความมั่นคงได้ ความพอเพียงในบริษัทจะทำให้บริษัทอยู่ได้
“ผมกลับมาคิดหลายวันว่าเราต้องนึกถึงบริษัทก่อน ก่อนที่จะนึกว่าตัวเราต้องการอะไร ลูกค้าต้องการอะไร ต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าอยู่ได้ เป็นที่มาที่ไปของบริษัทที่จะต้องคำนึงถึงลูกค้าก่อน ช่วงนั้นแนวคิด CSR หรือ Corporate Social Responsibility ความรับผิดชอบต่อสังคม ยังไม่เข้ามาเลย พระองค์ท่านบอกไว้กว่า 20 ปีมาแล้ว ว่าทุนใหญ่ต้องช่วยทุนเล็ก เหมือนว่าเราเอาความรู้ความสามารถของเราไปเติมให้เขา ไม่ใช่เหมือนกับที่คนเข้าใจ ว่าพอเราได้ปุ๊บเราก็ไปมอบทุน ไปแจกนํ้า จริงๆ เขาไม่ได้ต้องการนํ้าหรอก มันไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน เช่น ถ้าเขาหิวเราเอาปลามาให้ เขาก็แค่อิ่ม แต่ถ้าเราสอนเขาตกปลา เขาจะไม่หิว มันจะยั่งยืนกว่า นี่เป็นเรื่องที่พระองค์ท่านสอน เราก็นำมาใช้ในบริษัทและนำมาใช้ในชีวิตส่วนตัว”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560