แอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เป็น 1 ใน 12 สายการบิน ที่นับจากวันที่ 1 กันยายนนี้ ต้องหยุดบินไปต่างประเทศชั่วคราว ซึ่งการหยุดบินที่เกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าสายการบินไม่มีมาตรฐานหรือไม่ผ่านเกณฑ์บินไปต่างประเทศ แต่เป็นเพราะกรอบเวลาที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)แจ้งว่าหากสายการบินใดยังไม่ได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC Re- certification) ตามกำหนดดังกล่าวจะต้องเสียสละเพื่อชาติ โดยหยุดบินเส้นทางระหว่างประเทศไปก่อนชั่วคราว ระหว่างรอการปลดธงแดงจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO การหยุดบินจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจของแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น อ่านได้จากสัมภาษณ์ นายไชย ณ ศีลวันต์ ประธานบริษัท แอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เจ็ท และบริษัทแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น จำกัด
**ธุรกิจเจ็ทอ่วมกระทบ100%
การดำเนินธุรกิจของแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น คุณไชย เล่าให้เราฟังว่ามี 2 ส่วน ได้แก่ การให้บริการเช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์ ในนามบริษัทแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่นฯ ที่เปิดให้บริการมากว่า 11 ปี และการให้บริการเช่าเหมาลำเครื่องบินไพรเวต เจ็ท ในนามบริษัทแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เจ็ท จำกัด ซึ่งธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบ 100% จากการที่ต้องหยุดทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศ คือ แอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เจ็ท
เนื่องจากกว่า 90% เป็นการให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ซึ่งการปฏิบัติการบินจะมีที่บินออกจากไทยไปน้อยมาก ส่วนมากจะให้บริการลูกค้าในต่างประเทศ เช่น จากมาเลเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ แล้วบินไปยังประเทศอื่นเช่นไปญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพราะเวลาการเช่าเครื่อง แทบทั้งหมดเราขายให้ชาร์เตอร์ โบรกเกอร์ในต่างประเทศ เราแทบไม่ได้ขายตรงกับลูกค้า
**เฮลิคอปเตอร์กระทบ 5%
ขณะที่ธุรกิจเช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์ ในนามแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เราจะได้รับผลกระทบอยู่ราว 5% เนื่องจากกว่า 95% เป็นการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ มีเพียง 5% ที่เราทำการบินในเส้นทางเช่าเหมาลำจากภูเก็ตไปลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ที่จะไม่สามารถทำการบินได้
การที่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราว ถือว่าเป็นภาระที่ผู้ประกอบการก็คงต้องรับสภาพไป เพราะจะให้ภาครัฐมาชดเชยค่าเสียหายทางธุรกิจที่ เกิดขึ้น ภาครัฐก็คงไม่ได้มีนโย-บายในเรื่องนี้ มีเพียงการชดเชยที่บอกว่าให้สายการบินมาทำการบินในประเทศไปทดแทนก่อน ซึ่งเครื่องบินเจ็ทที่ผมให้บริการอยู่ คือ GULFSTREAM G200 จำนวน 2 ลำ เครื่องบินเจ็ทดังกล่าวมีศักยภาพบินตรงระยะไกลโดยไม่หยุดพัก อาทิ จากกรุงเทพฯบิน ไปญี่ปุ่น หรือแม้แต่ดูไบ ดังนั้นจะนำมาทำการบินภายในประเทศ ย่อมไม่คุ้มต่อการปฏิบัติการบิน
[caption id="attachment_201186" align="aligncenter" width="503"]
ประธานบริษัท แอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เจ็ท และบริษัทแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น จำกัด[/caption]
**ตกขบวนเหตุถูกตรวจช้า
คุณไชย กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่ที่กพท.จะสามารถออก AOC ใหม่ให้เราได้เมื่อไหร่ ซึ่งสิ่งสำคัญขึ้นกับความพร้อมของผู้ตรวจสอบ โดยขณะนี้ขั้นตอนการออก AOC ใหม่ของเรา อยู่ในขั้นตอน 3 (ขั้นตอนตรวจสอบเอกสาร) และกำลังจัดทำคู่มือให้เป็นสากลตามมาตรฐานสากล เพื่อจะเข้าขั้นตอน 4.1 ที่เป็นการตรวจสอบว่าปฏิบัติตามคู่มือหรือไม่ ดังนั้นแน่นอนว่าในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ เราน่าจะยังไม่สามารถทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศได้ แต่ก็ยังดีว่าเป็นช่วงโลว์ซีซัน เราจึงหวังว่าจากกรอบการออก AOC ใหม่ เราน่าจะได้ใบรับรองในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ หากเราได้ก็ยังสามารถบินเส้นทางระหว่างประเทศได้เหมือนเดิม ซึ่งก็ตรงกับช่วงไฮซีซันพอดี
การติดธงแดงของไทย เกิดจากปัญหาเรื่องการกำกับดูแลการบินพลเรือนของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ได้มาตรฐานตาม ICAO การแก้ไขที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี และหนึ่งในการแก้ไขข้อบกพร่อง คือสายการบินต้องถูกตรวจสอบเพื่อออก AOC อีกครั้งตามมาตรฐานใหม่ ซึ่งผมก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาที่ผมยังไม่ได้รับ AOC ใหม่ ไม่ใช่เป็นเพราะไม่ผ่านเกณฑ์ หรือสอบตก แต่เป็นเพราะได้รับการตรวจสอบช้าไม่ทันกรอบเวลาที่ไทยร้องขอให้ ICAO มาปลดธงแดง โดยเราได้ถูกกพท.เรียกประชุมพร้อมสายการบินต่างๆ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางกพท.แจ้งสายการบินครั้งแรกว่า มีความจำเป็นที่จะขอให้สายการบินที่ยังไม่ได้ AOC ใหม่ในวันที่ 1 กรกฎาคม ต้องหยุดบินระหว่างประเทศ และขอให้เสียสละเพื่อชาติ เพราะไทยต้องปลดธงแดง ICAO และตอนหลังเปลี่ยนมากำหนดเป็นวันที่ 1 กันยายนนี้แทน
โดยที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าสายการบินพาณิชย์จะทยอยได้รับการตรวจสอบก่อน ส่วนผมเป็นเช่าเหมาลำขนาดเล็ก ก็เพิ่งเริ่มเข้ากระบวนการตรวจสอบเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็คงไม่ทันกำหนดเวลา แต่เราก็หวังว่ากพท.จะดำเนินการตรวจสอบเราแล้วเสร็จในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ทันกับการดำเนินธุรกิจช่วงไฮซีซันนี้
**หวังได้AOCใหม่ก่อน1ธ.ค.
สำหรับสัดส่วนรายได้ต่อปีของเรา รายได้ในส่วนของแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น เจ็ท จะอยู่ที่ราว 100 ล้านบาท ส่วนธุรกิจเฮลิคอปเตอร์ จะอยู่ที่ราว 70 ล้านบาท ซึ่งคู่แข่งในธุรกิจเครื่องบินเจ็ตของผม ส่วนใหญ่จะเป็นโอเปอเรเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง โดยเครื่องบินเจ็ตมีขนาด 10 ที่นั่ง จะคิดค่าเช่าในราคา 6 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อชั่วโมง (ราว 2.04 แสนบาทต่อชั่วโมง) ลูกค้าก็จะเป็นชาวต่างชาติ
ส่วนเฮลิคอปเตอร์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักธุรกิจ ที่ใช้บริการเฮลิคอปเตอร์ในการเดินทางไปยังโรงแรม ต่างๆ รวมถึงการเดินทางไปทำงานในจุดต่างๆ ในไทย อาทิ อีสเทิร์นซีบอร์ด โดยเรามีเฮลิคอปเตอร์ให้บริการ 4 ลำ โดยรุ่น EC135 จำนวน 2 ลำ จุผู้โดยสารได้ราว 5-6 คนต่อลำ ทำการบินจากฮับที่กรุงเทพฯ ซึ่งให้บริการอยู่บริเวณถนนร่มเกล้า และ EC 130 จำนวน 2 ลำนำไปทำ การบินจากฮับของเราที่ภูเก็ต และเชียงใหม่ จะคิดค่าเช่าอยู่ที่ 8.7 หมื่นบาทต่อชั่วโมงหากบินจากกรุงเทพฯ และ 7.85 หมื่นบาทต่อชั่วโมงหากบินจากเชียงใหม่หรือภูเก็ต ซึ่งในธุรกิจเฮลิคอปเตอร์ วีไอพี เราครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 90%
ทั้งหมดล้วนเป็นภาพรวมและผลกระทบของการต้องถูกหยุดบินชั่วคราวของแอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น ที่ต้องเสียสละเพื่อชาติ จากกระบวนการปลดธงแดงที่เกิดขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,292
วันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน พ.ศ. 2560