สยามสปอร์ต ปั้นธุรกิจสู่โมเดล “สปอร์ต คอนเทนต์ บิสิเนส” ชูความแข็งแกร่งข้อมูลด้านกีฬา ป้อนสู่สื่อดิจิตอลสร้างรายได้50%ในปี 2563 เล็งต่อยอดแบรนด์อีก 2-3 ปีข้างหน้า ผลิตสินค้าอื่นๆ เสริมรายได้
ดร.สรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า ได้วางแผนพัฒนาธุรกิจไปสู่โมเดล “สปอร์ต คอนเทนต์ บิสิเนส”ด้วยการพัฒนาคอนเทนต์ด้านกีฬาไปสู่ช่องทางดิจิตอลซึ่งได้วางเป้าหมายว่าภายในปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากค่าโฆษณาในช่องทางดิจิตอลต่างๆ ในสัดส่วน 50%และรายได้จากช่องทางสื่อเดิมทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ และโทรทัศน์ อีก 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 80%และเป็นรายได้หลักของบริษัท
[caption id="attachment_198288" align="aligncenter" width="335"]
ดร.สรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)[/caption]
ทั้งนี้ จากสถานการณ์รายได้ค่าโฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์ที่อยู่ในภาวะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง จนทำให้สื่อสิ่งพิมพ์บางฉบับต้องปิดตัวลง ส่งผลให้บริษัทที่ปัจจุบันมีหนังสือพิมพ์รายวันด้านกีฬา 6 ฉบับ ต้องปรับตัว ด้วยการลดต้นทุนด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมารายได้ค่าโฆษณาลดลงอย่างต่อเนื่องในอัตรา5-10%
สำหรับกลยุทธ์ที่จะผลักดันให้ก้าวไปสู่โมเดลดังกล่าวนั้น ดร.สรายุทธ กล่าวว่าจะเป็นการพัฒนาคอนเทนต์เพื่อใช้ในช่องทางดิจิตอลของบริษัทและการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่จะนำคอนเทนต์ของบริษัทไปใช้ในช่องทางใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับ“บีอิน สปอร์ต” ที่ได้มอบลิขสิทธิ์แท้ไฮไลต์ฟุตบอล 4 ลีกดังและ 2 สุดยอดถ้วยยุโรป ให้แฟนบอลต่างประเทศในเมืองไทยได้รับชมผ่านเว็บไซต์สยามสปอร์ต และในอนาคตจะมีการต่อยอดเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับแฟนบอลในรูปแบบต่างๆ ต่อไปซึ่งถือเป็นการเชื่อมต่อกลุ่มเป้าหมายกับแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น จากศักยภาพและความสำเร็จ
“ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังเป็นสื่อสิ่งพิมพ์แม้ว่าจะมีคนบอกว่าหนังสือพิมพ์ไม่มีคนอ่าน แต่หนังสือพิมพ์กีฬายังขายได้ดี เพราะมีการวิเคราะห์เกมการแข่งขันแต่ธุรกิจหนังสือพิมพ์เป็นธุรกิจที่รอวันเกษียณ คาดว่าอีก 5 ปีคงจะหายไปอีกหลายเล่ม เพราะค่าโฆษณาลดลงอย่างต่อเนื่องและหนังสือกีฬาเองก็มีซีซันนัลเหมือนกันปีไหนมีการแข่งขันกีฬาแมตซ์ใหญ่ๆหรืออีเวนต์ใหญ่ๆอย่างปีหน้ามีบอลโลกมีเอเชี่ยนเกมส์ก็จะทำให้ยอดขายยอดพิมพ์หนังสือเพิ่มมากขึ้น”
สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 1,000ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นบริษัทลูกในเครืออีก ได้แก่ธุรกิจโทรทัศน์ ที่คาดว่าจะมีรายได้ปีนี้ 350-400 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 20-30 ล้านบาท ธุรกิจอีเวนต์ คาดว่ามีรายได้ 150-200 ล้านบาท มีกำไร 10-20 ล้านบาท และธุรกิจดิจิตอลมีเดียที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 100ล้านบาทมีกำไรประมาณ 10-20 ล้านบาท
ดร.สรายุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากธุรกิจดิจิตอลที่บริษัทจะมุ่งเข้าไปพัฒนาให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังวางแผนต่อยอดแบรนด์ของสยามสปอร์ตให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นด้วยการพัฒนาสินค้าอื่นออกมาจำหน่ายเช่นนํ้าดื่มเนื่องจากบริษัทมีแบรนด์เป็นที่รู้จักมีสื่อในมือที่พร้อมสร้างแบรนด์และทำตลาดแต่คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ซึ่งมีโอกาสทั้งการพัฒนาสินค้าขึ้นมาทำตลาดเองโดยเฉพาะรวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อทำสินค้าร่วมกันซึ่งในระยะแรกนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างธุรกิจดิจิตอลให้มีความแข็งแรงก่อน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,290 วันที่ 24 - 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560