ผักอัดเม็ดไบโอเวกกี้ลุยซาอุฯ เป้าโต40%รุกโมเดิร์นเทรด-ร้านสะดวกซื้อ

19 เม.ย. 2560 | 08:00 น.
บ.เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ตั้งเป้าปี 60 โต 40% จากปีที่ผ่านมา ชูกลยุทธ์การทำตลาดผ่านร้านโมเดิร์นเทรด และเพิ่มช่องทางร้านสะดวกซื้อ เตรียมนำสินค้าเข้าทำตลาดในซาอุฯหลังผ่าน SFDA ปูทางสู่ประเทศรอบอ่าว เล็งขยายตลาดอาหารเสริมรูปแบบชงดื่มเจาะตลาดผู้สูงอายุ

นางวิริยา พรทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผักอัดเม็ดแบรนด์ “ไบโอเวกกี้” (Bioveggie) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2560 ตั้งเป้าที่จะมีรายได้เติบโตจากในปีที่ผ่านมาประมาณ 30-40% ด้วยกลยุทธ์ในการทำตลาดผ่านร้านโมเดิร์นเทรด รวมถึงการขยายช่องทางในการจำหน่ายผ่านทางร้านสะดวกซื้อเพิ่มมากขึ้น ทั้งแฟมิลี่มาร์ท (Fimily Mart) และลอว์สัน (Lawsan108) จากเดิมที่มีวางจำหน่ายเฉพาะเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น

[caption id="attachment_141706" align="aligncenter" width="439"] วิริยา พรทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด วิริยา พรทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด[/caption]

ทั้งนี้ ยังเตรียมเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายไปสู่รูปแบบของการทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง เนื่องจากมองว่าเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในยุคสมัยใหม่ได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า จากเดิมที่บริษัทไม่ค่อยได้มุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์

ด้านการทำตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทมีการติดต่อเจราจาการค้ากับลูกค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยภายในเดือนเมษายนนี้จะเข้าไปทำตลาดที่ประเทศซาอุดิอาระเบียได้ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถผ่านการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าตามหลักเกณฑ์ขององค์การอาหารและยาแห่งซาอุดิอาระเบีย (Saudi Food & Drug Authority: SFDA) เรียบร้อยแล้ว โดยจากการผ่านมาตรฐานดังกล่าว จะช่วยทำให้บริษัทต่อยอดการทำตลาดไปสู่ประเทศรอบอ่าวเปอร์เซียได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น เช่น ประเทศดูไบ เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน หรือเออีซี (AEC) เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นลำดับถัดไป

“ปัจจุบันไบโอเวกกี้ได้ขยายตลาดไปสู่ประเทศในแถบยุโรป อย่างประเทศโปแลนด์ รวมถึงประเทศญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นประเทศกัมพูชา และเมียนมาร์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน หรือเออีซี (AEC) เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นลำดับถัดไป โดยสินค้าไบโอเวกกี้ที่ถูกไปจำหน่ายในต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการที่ลูกค้ามาติดต่อขอไปจำหน่ายโดยตรง มีเพียงในเมียนมาเท่านั้นที่ดำเนินการผ่านเทรดเดอร์ (Trader)”

นางวิริยา กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทยังเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกสู่ตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุโดยยังคงมุ่งเน้นการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้สารอาหาร รับประทานแล้วเกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะเป็นลักษณะของอาหารพร้อมบริโภคด้วยวิธีการเติมน้ำร้อน หรือชงในน้ำอุ่น เนื่องจากมองว่าสังคมผู้สูงอายุกำลังขยายตัวมากขึ้นในประเทศไทย ดังนั้นจึงเห็นว่าน่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองตลาดในส่วนดังกล่าวนี้เพื่อเป็นการขยายตลาด และเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้มากยิ่งขึ้น

ด้านจุดเด่นของไบโอเวกกี้นั้นอยู่ที่ขั้นตอนในการผลิตที่ให้ความสำคัญกับการคงคุณค่าความเป็นธรรมชาติ โดยไม่ใช้สารสกัดมาเป็นตัวช่วย ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดเป็นการนำผักสดจริงมาผ่านขั้นตอนการอบแห้งก่อนที่จะนำมาอัดเป็นเม็ดเพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภค ฉะนั้นผู้บริโภคจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเสมือนได้รับประทานผักสดที่แท้จริง

“ผักอัดเม็ดไบโอเวกกี้สามารถเก็บได้นานถึง 2 ปี โดยในจำนวน 5 เม็ดที่รับประทานจะเทียบเท่ากับการทานผักสดปริมาณ 1 ชาม หรือประมาณ 150 กรัม” ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำหนดให้คนคนหนึ่งทานผักได้ 600 กรัม/วัน ผู้บริโภคจึงสามารถ ทานไบโอเวกกี้ได้เลยทั้ง 3 มื้อ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,254 วันที่ 20 - 22 เมษายน พ.ศ. 2560