อสังหาฯภาคเหนือซึมยาว เหตุธนาคารเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ 9 จังหวัดรวมตัวตั้ง สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือ เล็งผุดสหกรณ์ออมทรัพย์ช่วยสมาชิกด้านเงินลงทุน
นายนนท์ หิรัญเชรษฐ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือ เปิดเผยว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปลายปี2559- ต้นปี 2560 ไตรมาสที่ 1 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป สถานการณ์ยังซบเซาต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจซึมยาว หนี้ครัวเรือนของประชาชนก็ยังสูงอยู่ รวมทั้งปัญหาสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อลูกค้ามากขึ้น แม้ภาครัฐจะเร่งการดำเนินการใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ก็ตาม
"ทิศทางแนวโน้มที่จะส่งเสริมให้เป็นปัจจัยบวกของภาคอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือก็คือ การที่สถาบันการเงินให้ความร่วมมือในการปล่อยสินเชื่อ โดยให้ลดมาตรการที่เข้มงวดลง มีการยืดหยุ่นผ่อนปรนให้กับลูกค้าที่ขอสินเชื่อ ซึ่งตัวนี้คงจะช่วยขับเคลื่อนให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้มากพอสมควร ปีที่แล้ว ภาครวมมีการหดตัวประมาณ 15-20% สำหรับปี2560 คาดว่าจะหดตัวเพิ่มเป็น 20-25%"
นายนนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ค่อนข้างที่จะซบเซาเป็นโดมิโน ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวราบ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ ทาวน์เฮาส์ เนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แม้กระทั่งสินเชื่อบางโครงการก็ถูกชะลอไป บางโครงการก่อสร้างไปแล้ว 20-30% ก็ถูกชะลอไป ไม่สามารถที่จะเบิกงวดต่อไปได้ ผู้ประกอบท้องถิ่นก็หาพาร์ตเนอร์ใหม่เข้ามาร่วมลงทุนอาจเป็นกลุ่มทุนจากท้องถิ่นด้วยกัน และกลุ่มทุนจากต่างชาติบางส่วน เช่น จีน ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียม รองลงมาก็จะเป็นบ้านแนวราบ
ส่วนอาคารพาณิชย์เหลือค้างสต็อกค่อนข้างมาก ประมาณ 60% ส่วนบ้านแนวราบเหลือค้างสต็อกประมาณ 40-45% คอนโดมิเนียมเหลือประมาณ 50-60% และที่กำลังจะออกมาใหม่อีก 15-20% คอนโดมิเนียมน่าเป็นห่วงมาก แต่ผู้ประกอบการส่วนมากก็จะมาจากส่วนกลางก็คงไม่มีปัญหาในเรื่องของแหล่งเงินทุน
"อยากจะเสนอแนะให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นว่า ควรที่จะปรับตัวให้ความระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องความผันผวน ความไม่แน่นอน ความไม่ชัดเจน และอื่นๆที่จะตามมา การลงทุนจะต้องให้อยู่ในขีดความสามารถของตนเอง อย่าไปแข่งขันกับทุนส่วนกลางก็จะทำให้ตัวเองอยู่รอดได้ ประการสำคัญก็คือชื่อเสียง และคุณภาพก็ยังสามารถที่จะรักษาฐานไว้ได้ โดยสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่มีแนวคิดที่จะนำเสนอกับภาครัฐเกี่ยวกับเรื่องของผู้ประกอบการท้องถิ่นจะเหมือนกับโชวห่วยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่อก่อนไม่มีห้างแม็คโคร ห้าง โลตัส แต่เดี๋ยวนี้ มหาชนออกมาสู่ภูมิภาคเต็มไปหมด ฉะนั้น ผู้ประกอบการท้องถิ่นจึงต้องรวมตัวกันเป็นสมาคมสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือ เพื่อที่จะมาต่อกรกับเขากลุ่มทุนส่วนกลาง ถ้าไม่อย่างนั้นอีกหน่อยท้องถิ่นจะไม่มีเลย จะไม่เหลือเลย"
นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมมีผู้ประกอบการรวมตัวกันจาก 9 จังหวัดภาคเหนือ ที่เชียงใหม่ จะเป็นเชียงใหม่สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือ ส่วนจังหวัดต่างๆในภาคเหนือ จะเป็นสาขา ตอนนี้มี สาขาเชียงราย สาขาลำปาง สาขาลำพูน และอีกหลายจังหวัดกำลังติดต่อมา อย่างพิษณุโลก และตากก็กำลังติดต่อมา เป็นกรรมการของสมาคม แต่เรียกว่าประธานสาขาจังหวัด ก็มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลส่งให้เชียงใหม่ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ก็จะเอาข้อมูลทั้ง 9 จังหวัดมารวบรวมแล้วก็มาประเมินกันสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทุกๆเดือน
ปัจจุบันสมาชิกสมาคม มีอยู่ประมาณ 200 กว่าราย ที่เป็นผู้ประกอบการ คอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรรจำนวน 57 โครงการ นอกจากนั้นก็จะเป็นธุรกิจเครือข่ายของอสังหาริมทรัพย์ เช่น บริษัทออกแบบ ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งภายใน และสวนเกษตร กิจกรรมที่จะต้องทำเร่งด่วน คือการสร้าง ความเข้มแข็งของสมาคม และสามารถประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนในท้องถิ่นภาคเหนือให้ได้รู้จักสมาคมของแล้ว ผู้ประกอบการทั้งหลายได้มีความเชื่อมั่นในสถาบันฯคิดว่าเราคงจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณปลายปี2560 หรือต้นปี 2561
"สำหรับ วัตถุประสงค์หลัก พยายามที่จะผลักดันจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ผู้ประกอบการภาคเหนือเชียงใหม่ ขึ้นมาเพื่อที่ว่าต่อไปกลุ่มทุนส่วนกลางที่เข้ามามีลงทุนในท้องถิ่น ปัญหาของผู้ประกอบการในท้องถิ่นเราจะเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสภาพคล่องในการบริหารโครงการ เพราะว่าธนาคารส่วนกลางจะให้ความสำคัญกับโครงการใหญ่ๆที่มาจากส่วนกลาง ฉะนั้นท้องถิ่นก็จะถูกล็อกไว้ สมาคมจึงมีแนวคิดที่จะตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมา เพื่อที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในสภาพคล่องของสมาชิกของแต่ละโครงการ ในการที่จะดำเนินโครงการให้ประสบผลสำเร็จ โดยไม่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ คือสร้างความอบอุ่นใจให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นและประชาชนผู้บริโภคด้วย"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,247 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2560