บาร์เทอร์คาร์ด รุกขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Startup รองรับนโยบาย Thailand 4.0

06 มี.ค. 2560 | 07:59 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2560 | 14:59 น.
บาร์เทอร์คาร์ด ขานรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล  Thailand 4.0 พร้อมประกาศความสำเร็จตั้งเป้าหมายขยายธุรกิจประเภท B2B ให้เติบโตมากขึ้นในปี 2560 เน้นการเพิ่มจำนวนของสมาชิกกลุ่มลูกค้า Startup และเพิ่มยอดขายธุรกิจให้ทะลุหลักพันล้านบาท

นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 รัฐบาลได้ประกาศให้การส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจเป็นวาระแห่งชาติภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 โดยปรับเปลี่ยนจาก Traditional SME สู่ Smart Enterprise ที่ต้องพัฒนาและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดและเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยนโยบายดังกล่าวเป็นการช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกมากขึ้น แต่สำหรับธุรกิจประเภท Business to Business (B2B) กลับมีทิศทางการเติบโตที่เพิ่มขึ้นทุกปี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาจะชะลอตัวก็ตาม

ดังนั้นบาร์เทอร์คาร์ด ได้เล็งเห็นช่องทางการเติบโตของธุรกิจ B2B ภายใต้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล Thailand 4.0 จึงได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจ B2B ในประเทศไทย ให้มีการเติบโตเพิมขึ้นในส่วนของสมาชิกใหม่ 15% และ 5% ในส่วนของยอดการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งตั้งเป้าหมายอยู่ที่  990 ล้านบาท ส่วนสมาชิกใหม่นั้นตั้งเป้าหมายจะต้องมีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมกับบาระเทอร์คาร์ดเพิ่มขึ้นจำนวน  650 ราย ในปี 2560  โดยเน้นที่ลูกค้ากลุ่ม Startup เป็นหลักผ่านกลยุทธ์การบริการ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทำหน้าที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยของลูกค้าแต่ละราย เรียกว่า BDM (Business Development Manager) รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้สมาชิกสามารถทำการแลกเปลี่ยนและเช็คประวัติการซื้อขายได้ตลอดเวลาอย่างง่ายดาย และช่วยให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูลและโปรโมชั่นสินค้าอย่างต่อเนื่องผ่านเครื่องมือต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมเน็ตเวิร์คกิ้งและเทรดโชว์ เพื่อสร้างโอกาสให้สมาชิกได้พบปะสร้างพันธมิตรและต่อยอดธุรกิจได้ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายว่าสมาชิกจะหันมาทำธุรกรรมแบบ B2B ผ่านแอพลิเคชั่นโมบายแอพหรือเว็บไซต์ที่บาร์เทอร์คาร์ดสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับระบบอีเพย์เมนต์ เกตเวย์ ซึ่งจากเดิมในประเทศไทยมีผู้ใช้งานเพียง 10 %  ให้เป็น 25 % ในปีนี้ให้ได้

นางสาวเรวดี กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่ามีการชะลอตัวลง จึงนับเป็นโอกาสในการทำธุรกิจของบาร์เทอร์คาร์ดให้สามารถเติบโตขึ้นจากในปีที่ผ่านมา เนื่องจากหลาย ๆ ธุรกิจ จำเป็นต้องเร่งเพิ่มยอดตัวเลขกำไร ระบายสินค้าในสต็อก และลดค่าใช้จ่ายในการทำตลาดเพื่อขายสินค้า ธุรกิจการแลกเปลี่ยนสินค้าของบาร์เทอร์คาร์ด จึงเป็นอีกเครื่องมือสำคัญในการช่วยขยายช่องทางการตลาด พร้อมกับเพิ่มกระแสเงินสดให้ธุรกิจ ให้สามารถนำไปซื้อสินค้าหรือบริการที่จำเป็นต้องใช้อยู่แล้วจากธุรกิจสมาชิกกว่า 35,000 ธุรกิจใน 9 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทย บาร์เทอร์คาร์ด มีจำนวนสาขาทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาสีลม ทองหล่อ ลาดพร้าว พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่  โดยล่าสุดบาร์เทอร์คาร์ดมีสมาชิกมากกว่า 3,000 ธุรกิจ โดยแบ่งเป็นธุรกิจ SMEs  85% ธุรกิจขนาดใหญ่ 15% มีพันธมิตรทางธุรกิจใหม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกว่า 60 ธุรกิจต่อเดือน ส่งผลให้บาร์เทอร์คาร์ดประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกในปี 2558  และปี 2559 ที่ผ่านมา