บีโอไอหนุนไทยเป็นศูนย์กลางอุตฯซับคอนในอาเซียนและเอเซีย

03 มี.ค. 2560 | 07:58 น.
บีโอไอสบช่องใช้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ดันไทยเป็นศูนย์กลางอุตฯซับคอน ในอาเซียนและเอเชีย หวังเพิ่มมูลค่าการส่งออก พร้อมดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมความหวังใหม่ ทั้งรถยนต์และส่วนประกอบ อากาศยาน อุปกรณ์การแพทย์และ เกษตรเทคโนโลยีสมัยใหม่

นายวิรัตน์ ธัชศฤงคารสกุล ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (บิวด์) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล และ อุตสาหกรรม 4.0 ที่สอดคล้องกัน ประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมซับคอนแทรคในระดับอาเซียนและเอเชียในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากไทยมีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการผลิต และการประกาศของรัฐบาลไทยที่ชัดเจนที่จะนำพาประเทศไทยการก้าวเข้าสู่ ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างเต็มตัว ซึ่งต้องอาศัยการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม จะทำให้ไทย กลายเป็นจุดดึงดูดอุตสาหกรรมขั้นสูง และอุตซับคอนได้เป็นอย่างดี

“เปรียบเทียบไทยกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน เรามีแผนนโยบายชัดเจนที่จะมุ่งสู่อุตสาหกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมใหม่ จุดเด่นนี้ จะทำให้ต่างชาติ อยากเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมซับคอน ที่ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของการผลิต และสร้างมูลค่าของแบรนด์ ประเทศไทยจึงได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำของโลก ในการเลือกให้เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายในการจัดซื้อและจัดหาชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพสูง ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวจึงเป็นโอกาสที่สำคัญที่ธุรกิจซับคอนของไทยจะ มองหาหุ้นส่วนระดับโลก หรือผู้ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาต่อยอดการผลิตได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม”

ทั้งนี้อุตสาหกรรมซับคอนสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศได้หลายแสนล้านบาทต่อปี และส่วนใหญ่ผู้ประกอบการนั้นเป็นระดับ เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ฉะนั้น ทางบีโอไอจึงมีแผนที่จะสนับสนุนการลงทุนและพัฒนาอุตฯซับคอน  ด้วยแผนมากมาย อาทิ การสนับสนุนให้มีการจับคู่ธุรกิจ การส่งเสริมการออกงาน และการสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดธุรกิจจากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ นายวิรัตน์กล่าว

โดยหนึ่งในแผนงานที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางซับคอนในภูมิภาค ทางบีโอไอ โดยหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม หรือหน่วยบิวด์ (BUILD) จึงได้ร่วมกับ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด และ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย จัดงานซับคอนไทยแลนด์ ขึ้นในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ รวมถึงโอกาสในการร่วมทุนกับผู้ ประกอบการระดับโลกสำหรับอนาคต

จากปัจจุบันที่มีการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อากาศยาน อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์แล้ว  ปีนี้งาน ซับคอนไทยแลนด์ จะเพิ่มการโฟกัสไปที่การยกระดับผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรไทย สู่การเกษตรสมัยใหม่ที่อยู่ในรูปแบบของ Smart Farming โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปปรับใช้ในทุกกระบวนการผลิต จนถึงขั้นตอนการจัดส่งและบริการ รวมทั้งการส่งเสริมด้านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถสนับสนุนภาคการผลิตให้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุ ดมาแนะนำเพื่อลดต้นทุนและ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต

ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีการส่งเสริมมาทุกปี ในปีนี้จะมีความเข้มข้นกว่าเดิม เพราะมีทั้งค่ายรถยนต์ชั้นนำของยุโรปและเอเชียมาร่วมจัดแสดง ซึ่งจะมองหาฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยคือเป้าหมายสำคัญที่มีศักยภาพจะดึงดูดการลงทุนเพิ่มและการลงทุนใหม่จากบริษัทชั้นนำเหล่านั้น ด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวยหลากหลายประการ และจากนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ด้านอุตสาหกรรมอากาศยาน ปีนี้จะมีตัวแทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวร่วมกับองค์กรชั้นนำระดับโลกมาร่วมพูดคุยและเปิดประสบการณ์ เพื่อหาแนวทางและสร้างโอกาสให้ ผู้ประกอบการไทยรายอื่น ๆ เกิดความรู้ ความเข้าใจ แล้วนำเอาความสามารถไปพัฒนาในอุตสาหกรรมดังกล่าวในอนาคตต่อไป

นอกจากนี้ จากปัจจุบันที่หลากหลายประเทศ รวมทั้งไทย กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น รวมถึงนโยบายการผลักดันให้ ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ และการรักษา อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอุ ปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ จึงมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริษัทชั้นนำของโลกและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์ และการดูแลสุขภาพจะมานำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมองหาโอกาสทางธุรกิจในไทยด้วย

อุตสาหกรรมซับคอนอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ที่จะเติบโตและดึงดูดการลงทุนที่มากขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า งานก่อสร้างและตกแต่ง อุตสาหกรรมการเกษตร ผู้ออกแบบและผลิตแม่พิมพ์  อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  เพื่อรองรับกระแสการดติบโตของอุตสาหกรรมซับคอนที่มีมากขึ้น จะมีการขยายพื้นที่การจัดงานในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่ กำลังมองหาโอกาสในการเจรจาธุรกิ จรวมถึงการร่วมทุนกับผู้ ประกอบการระดับโลก

ภายในงานจะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนกว่า 400 รายจากทั้งประเทศไทย และประเทศอื่น  ๆ ในแถบอาเซียน อาทิ ไต้หวันและญี่ปุ่นเข้าร่วมจัดแสดง คาดการณ์ผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 25,000 ราย  และในปีนี้ มั่นใจว่ามูลค่าจากกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจ จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 15 เปอร์เซนต์ โดยคาดการณ์จะเกิดธุรกรรมมูลค่า ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ในปีนี้ จาก เป้าหมาย 6,000 คู่ธุรกิจ ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมางานซับคอน ไทยแลนด์  ได้ก่อให้เกิดธุรกรรมกว่า 8.5 พันล้านบาท จากการจับคู่การเจรจาทางธุรกิจกว่า 5,216 คู่

ด้าน นายพัฒนศักดิ์ แสนสมรส กรรมการผู้จัดการบริษัท พี ควอลิตี้ แมชชีน พาร์ท จำกัดหนึ่งในผู้ประกอบการตัวแทนของภาคเอกชน เปิดเผยว่า บริษัทเข้าร่วมงาน ซับคอน ไทยแลนด์ ในทุกปี โดยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการร่วมงานคือการเชื่อมโยงทางธุรกิจ และการสร้างเครือข่ายทางการค้าระหว่างประเทศ มีการบูรณาการทางความคิดในการผลิตและสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ โดยในปีที่ผ่านมาทาง พี ควอลิตี้ แมชชีน พาร์ท ได้ประสบความสำเร็จในการร่วมทุนด้านเทคโนโลยีกับกลุ่มลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น 2 บริษัทฯ

งาน ซับคอน ไทยแลนด์ 2017 งานแสดงอุตสาหกรรม รับช่วงต่อการผลิต เพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและจับคู่ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ.2560 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา