'สิงห์ฯ'เทิร์นอะราวด์ เดินหน้าตลาดซูเปอร์ลักชัวรี
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
นับจากกลุ่มสิงห์ เทกโอเวอร์บริษัท รสาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เมื่อปี 2557 เพื่อแจ้งเกิดในวงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมดำเนินกลยุทธ์ ซื้อและควบรวมกิจการ หรือ Mergers and Acquisitions (M&A) เร่งการเติบโต โดยมีงบลงทุนเพื่อการนี้โดยเฉพาะสูงถึง 1 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นล้านบาท
ในปี 2558 ผลประกอบการบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) ขาดทุน 260 ล้านบาท ถัดมาในปี 2559 ซึ่งเป็นปีแรกที่ดำเนินงานเต็มปีหลังจากซื้อกิจการ รสา สถานการณ์พลิกเป็นกำไร เพียง 9 เดือนแรก ผลประกอบการเป็นบวก มีกำไร 210 ล้านบาท อันเป็นผลพวงจากการซื้อและควบรวมกิจการ และการเปิดตัวโครงการ ดิเอส คอมเพล็กซ์ ด้านโรงแรมทั้งสันติบุรี และพีพี มีการเติบโตด้านรายได้สูงถึง 40% ดังนั้นในปี 2560 นี้ นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท มั่นใจว่าสามารถ"เทิร์นอะราวด์" อย่างเต็มตัว โดยเปิดเผยถึงแผนงาน ทิศทางและกลยุทธ์ขององค์กรดังนี้
รุกคอนโดฯ-แนวราบไฮเอนด์
ในปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย 3 โครงการใหม่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี ได้แก่ คอนโดมิเนียมในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ในทำเลศักยภาพซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด โดยพร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ ถัดมาคือโครงการคฤหาสน์ระดับ 6 ดาวบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) และคอนโดมิเนียมหรูหราติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ โดยทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งจับกลุ่มเซกเมนท์เอบวกโดยโครงการคอนโดมิเนียมที่สิงห์ คอมเพล็กซ์ จะเปิดตัวปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และอีก 2โครงการจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยมีมูลค่าโครงการทั้ง 3แห่งรวมกันมากกว่า 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะทยอยเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยภายใต้แบรนด์เนอวานาในปีนี้อีกอย่างน้อยอีก 4 โครงการ
เล็งเพิ่มอาคารสำนักงาน
ธุรกิจอาคารเชิงพาณิชย์ โครงการหลักสำคัญคือสิงห์ คอมเพล็กซ์บนหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นอาคารสำนักงานพรีเมียมที่ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 15% ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่มีความสูง 44 ชั้น และมีพื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหารชั้นนำ และธนาคาร ที่รองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศและผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
ด้านอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส บริษัทได้ปรับปรุงในส่วนลอบบี้ และพื้นที่ส่วนกลางโดยเปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้โครงการซันทาวเวอร์ส ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ 2 อาคาร มีพื้นที่สำนักงาน 123,000ตร.ม. และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องประชุม ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ทำให้ในปี 2559 ที่ผ่านมามีรายได้เต็มกว่า 400 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบ 4 เท่า
นอกจากนั้น ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และขยายโซนพลาซ่า 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่ร้านอาหารและฟูดเซ็นเตอร์เพื่อบริการผู้เช่า และผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง รวมถึงมีแผนจะพัฒนาอาคารที่จอดรถในซอยวิภาวดีฯ เพื่อบริการผู้เช่าอาคารซันทาวเวอร์ส และอาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่มีแผนจะก่อสร้างในปีหน้า
โรงแรมแนวโน้มรายได้ดี
ในปีนี้บริษัทฯยังคงนโยบายเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มโรงแรมที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถรอบด้านเพื่อเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมทุนซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก3แห่ง ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมรวม 29แห่งในอังกฤษ และ สกอตแลนด์
ส่วนในประเทศมีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มที่โรงแรมสันติบุรี รวมทั้งเดินหน้าสร้างแบรนด์สันติบุรี เพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ขณะที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท มีการปรับปรุงห้องพัก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางใหม่ทั้งหมด
โดยคาดว่าปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจากปี 2559 โดยที่ผ่านมาทำรายได้ 9 เดือนมากกว่า 730 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้น 37% จากปี 2558
“ในปี 2560 สิงห์ เอสเตท จะยังคงดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพระดับ Bestin Class เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่กับการขยายธุรกิจในตลาดซูเปอร์ลักชัวรีที่มีศักยภาพสูงและวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับองค์กรโดยปลูกฝังแนวคิดการทำงานภายใต้หลักบรรษัทภิบาลให้กับพนักงานทุกคน นอกจากนี้เรายังเฟ้นหาพันธมิตรเพื่อผนึกกำลังและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนรวมทั้งสร้างแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,239
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2560