รัฐ-เอกชน ประสานเสียง หนุนทีวีดาวเทียม/เคเบิล เติบโตยั่งยืน

14 ต.ค. 2559 | 03:00 น.
แม้ช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมจะต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มากมายโดยเฉพาะหลังจากเกิดทีวีดิจิตอล แต่ความพยายามในการยกระดับและผลักดันให้โทรทัศน์ดาวเทียมสามารถเดินหน้าต่อได้ ยังคงมีต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ร่วมกับสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) (STAT) และชมรมโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีไทยแลนด์ (CABSAT) จัดงาน "การพัฒนาอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมอย่างยั่งยืน" การประชุมผู้แทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมและ 3 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

 ดาวเทียม/เคเบิลแหล่งโฆษณาผิดก.ม.

โดยวาระสำคัญในการประชุมร่วมครั้งนี้ คือ การเสวนาภาครัฐกับการกำกับดูแลผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียม และแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้ชมและอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมไทยอย่างยั่งยืน โดยนางสาว สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อบทบาทของภาครัฐกับการกำกับดูแลผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมว่า

ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลทีวี มีหลายช่องที่ยังพบการเผยแพร่เนื้อหาและโฆษณาที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะเรื่องโฆษณาอาหารและยา ซึ่งในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้มีคำสั่งทางปกครองไปยังโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลรวมทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง โดยอย. เครือข่ายผู้บริโภค และสำนักงาน กสทช. ตรวจสอบพบว่ายังคงมีการออกอากาศรายการหรือโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารและยาที่ผิดกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ประกอบการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ช่องทีวีดิจิตอล 1 ช่องรายการ ได้ออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารและยาที่ผิดกฎหมายจึงมีคำสั่งให้ระงับการออกอากาศ หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ปรับทางปกครองเป็นเงิน 1 ล้านบาท และปรับอีกวันละ 1 แสนบาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

ส่วนสถานีดาวเทียมและเคเบิลทีวีพบ 14 ช่องรายการ ได้แก่ โฮม แชนแนล, กอแก้ว , ซุปเปอร์ริช ซุปเปอร์รวย , 1TV , S.E.X.Y Woman TV , Hero Channel, ปิ๊ง ชาแนล, Man TV, ออนซอน ทีวี , ออนซอนเอชดีทีวี , Maya Channel,มีคุณ ทีวี , SMM TV และ H Plus Channel มีคำสั่งให้ระงับการโฆษณาอาหารและยาที่ผิดกฎหมาย หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ปรับทางปกครองเป็นเงิน 5 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 แสนบาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

ขณะที่สถานีวิทยุกระจายเสียงพบ 8 สถานี ได้แก่ สถานีวิทยุกระจายเสียงอัพไฮน์ FM 97.50 MHz ,สถานีวิทยุกระจายเสียงลูกทุ่งเน็ตเวิร์ก FM 91.5 MHz, เทพารักษ์ เรดิโอ เครือข่ายเพื่อความมั่นคงของชาติ FM 105.25 MHz , สถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการพลังงานทหารเชียงใหม่ คลื่นความถี่ AM 711 KHz (สังกัดกรมพลังงานทหาร),สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก ขส.ทบ. AM 1269 KHz. ,สถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการพลังงานทหาร AM 792 KHz (สังกัดกรมพลังงานทหาร), สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารอากาศ (ทอ.020 ขอนแก่น) FM 107.25 MHz และสถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จังหวัดชลบุรี FM 104.25 MHz

มีคำสั่งให้ระงับการโฆษณาอาหารและยาที่ผิดกฎหมาย หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้ปรับทางปกครองเป็นเงิน 1 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 แสนบาท ส่วนบางสถานีที่ยังไม่จ่ายค่าปรับที่อย. แต่พบว่ามีการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย สำนักงาน กสทช.จะมีคำสั่งเตือนให้ระงับ หากยังพบว่ายังออกอากาศอยู่จะปรับวันละ 2 หมื่นบาท จนกว่ายุติโฆษณาดังกล่าว

 แนะกำกับดูแลกันเอง

นางสาวสุภิญญากล่าวอีกว่า กสทช. มีแนวนโยบายในการสนับสนุนและส่งเสริมเรื่องการดูแลจริยธรรมและการกำกับดูแลกันเองในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (Ethical Guideline and Self-regulation for Broadcasting) โดยการกำกับดูแลนั้น หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อวิทยุโทรทัศน์รวมกลุ่มระหว่างผู้ประกอบการ ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแล การออกแนวปฏิบัติมาตรฐานวิชาชีพเพื่อควบคุมจริยธรรมและจรรยาบรรณระหว่างกัน ทั้งในด้านของเนื้อหาและคุณภาพรายการ มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อรับและพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ และควบคุมด้านจริยธรรม โดยเป้าหมายสูงสุดของการควบคุมกันเองนี้ คือ การดำรงตามแนวทางจริยธรรม และการลงโทษตักเตือนสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้น จึงนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ในวันนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียม รวมถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการวางแนวทางการกำกับดูแลกันเอง ทาง กสทช. ยินดีสนับสนุน โดยหลังจากนี้ จะเชิญกลุ่มเครือข่ายผู้บริโภคเข้าให้ความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไป

"ปัจจุบันยังมีหลายช่องที่พบว่ามีการโฆษณาอาหารและยาผิดกฎหมายที่กระทำความผิดซ้ำ คราวนี้จะไม่เพียงเตือนแล้วจะถูกปรับจริงตามที่มีหนังสือเตือนไปแล้วครั้งหนึ่ง และหวังว่าปัญหานี้จะแก้ได้หากผู้ประกอบการลงมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง"

 เดินหน้าตั้งบอร์ดสร้างการเติบโตยั่งยืน

ด้านนายมานพ โตการค้า ประธานชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด กล่าวว่า ตลาดโทรทัศน์ดาวเทียมจัดว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ ซึ่งถึงแม้ในช่วงระยะหลังนี้ จะได้รับผลกระทบจากแรงกระเพื่อมของกระแสธุรกิจและทีวีดิจิตอล ส่งผลให้ตลาดโทรทัศน์ดาวเทียมทรงตัวเท่ากับปีก่อน ผู้ประกอบการหลายรายต้องกระตุ้นตลาด และปรับกลยุทธ์ธุรกิจ รวมถึงพัฒนาคุณภาพ และเนื้อหาของช่องรายการ

ทั้งนี้ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมมีการเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาคุณภาพช่องรายการให้มีประสิทธิภาพ ผลักดันให้เกิดช่องรายการมากขึ้นบนโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ ย่อมมีส่วนสำคัญในการเปิดตลาดเพื่อหารายได้ในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการได้ อาทิ การสร้างแพ็กเกจการตลาดใหม่ๆ หรือการจัดกิจกรรมเพื่อโปรโมตแต่ละช่องรายการ ต่อผู้ซื้อและผู้ขายโฆษณา เป็นต้น

ขณะที่ ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาโทรทัศน์ดาวเทียมอย่างยั่งยืน คือผู้ประกอบการจะต้องร่วมมือกันพัฒนาวงการอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้ชมและสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียมไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว

อย่างไรก็ดีการประชุมในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดทิศทางเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมดาวเทียมอย่างยั่งยืน โดยหลังจากนี้ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน รวมถึงการเสนอแผนดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย โดยว่าคาดกระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จ ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,200 วันที่ 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559