บี-ควิกฟุ้งรายได้โตสวนกระแสตลาด

13 ต.ค. 2559 | 09:00 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2559 | 13:18 น.
บี-ควิกไม่หวั่นตลาดฟาสต์ฟิตชะลอตัว เดินหน้าขยายสาขาในประเทศเป็น 134 แห่งภายในสิ้นปี ส่วนปี60 ลุย เปิดสาขา 2ในพนมเปญ ทั้งเล็งบุกเมียนมาในอนาคต มั่นใจการตลาดมาถูกทางช่วยดันรายได้ปี 59 ทะลุ 6,300 ล้าน

นางสาวบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ ศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ โดยลูกค้ามีการชะลอหรือยืดอายุการใช้งานของสินค้า อาทิ ยาง รวมไปถึงการเลือกซื้อยางที่มีระดับราคาถูกลง จากเดิมที่เลือกกลุ่มเฟิร์สเทียร์ ก็หันมาใช้กลุ่มเซกันด์เทียร์ หรือ ยางในระดับกลางๆมากขึ้น ขณะที่การแข่งขันของธุรกิจนี้ยังคงดุเดือด มีผู้เล่นเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะผู้บริโภคจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้น

“ค่ายยางระดับบนอย่างบริดจสโตน หรือ มิชลิน ก็ต้องมีการทำสินค้าให้เจาะกลุ่มเซกันด์เทียร์มากขึ้น เพราะพฤติกรรมของลูกค้าตอนนี้เริ่มมองหาสินค้าที่มีราคาถูกลงมาจากกลุ่มเฟิร์สเทียร์ ซึ่งเป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่วนการแข่งขันของฟาสต์ฟิตที่มีผู้เล่นทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า ก็ถือเป็นไปตามกลไกตลาด ผู้ที่มีคุณภาพมาตรฐานทั้งสินค้า และการบริการก็อยู่ได้ และสำคัญสุดผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้บริโภค”

แม้ภาพรวมตลาดจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แต่การดำเนินงานของบี-ควิก มีการเติบโต คิดเป็นอัตรา 10% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเป็นผลมาจากการขยายจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้ จะขยายเพิ่ม 15 แห่งภายในสิ้นปี และจะทำให้มีจำนวนสาขาให้บริการในปี 2559 จำนวน 134 แห่ง และในปีหน้าก็คาดว่าจะเพิ่มอีก 10 -15 แห่ง

นางสาวบุศรารัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะที่การขยายสาขาในต่างประเทศ ปัจจุบันบี-ควิกเปิดให้บริการ 1 แห่งที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และกำลังจะขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่งในปีหน้า เนื่องจากมีความต้องการของลูกค้า ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะขยายสาขาอีก 5-6 แห่งที่พนมเปญ แต่จะเป็นในลักษณะสแตนอะโลน แตกต่างจาก 2 สาขาแรกที่จะอยู่บริเวณเดียวกับห้างสรรพสินค้า

“นอกจากในพนมเปญ เราได้ศึกษาพื้นที่ของเมียนมา คาดว่าน่าจะได้ความชัดเจนในเร็วๆ นี้ ส่วนลาวและเวียดนาม มีข้อกฎหมายหลายอย่างที่ต้องศึกษา ทำให้ยังไม่มีแผนการเปิดสาขา ประกอบกับลาวมีพื้นที่ติดกับไทย และมีลูกค้าจากลาวบางส่วนข้ามมาใช้บริการที่จังหวัดหนองคายและอุดรธานี ทำให้เรามองว่าพื้นที่ใน2จังหวัดนี้สามารถรองรับลูกค้าจากลาวได้อย่างเพียงพอ”

ด้านรายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้ 6,300 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 5,700 ล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของบี-ควิก ในเขตกรุงเทพฯมีกว่า 20% ถือเป็นผู้นำเบอร์ 1 แต่หากคิดส่วนแบ่งทางการตลาดจากตลาดยางรถยนต์ทั่วประเทศจะอยู่ที่ 15%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,200 วันที่ 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559