เบเกอรี่‘เคลเซ่’ ลุยปั้นแบรนด์ เทงบรุกตลาดครบวงจรมุ่งสิ้นปีโกย 2,000 ล้านบาท
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ธุรกิจเบเกอรี่มาแรง "เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ฯ" สบช่องส่งขนมบัตเตอร์ ฟินในชื่อ "เคลเซ่" ภายใต้แนวคิด"เบเกอรรี่ ทู โก" เจาะตลาดเมืองไทย เตรียมพัฒนาแบรนด์ปูพรมรุกตลาดครบวงจร พร้อมซุ่มเงียบสยายปีกบุกซีแอลเอ็มวี ก่อนต่อยอดไปยังตลาดยุโรปต่อเนื่อง วางเป้า 3 ปีโกยรายได้ 4,500 ล้านบาท
นายสมชาย อัศวปิยานนท์ประธาน บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ "เคลเซ่" เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเบเกอรี่ในเมืองไทยและภูมิภาคอาเซียนที่ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทเล็งเห็นช่องทางในการเติบโต ล่าสุดจึงได้เปิดตัวแบรนด์ขนมบัตเตอร์ ฟินในชื่อ "เคลเซ่" ภายใต้แนวคิด"เบเกอรรี่ ทู โก" หรือลูกค้าสามารถพกพาได้ง่ายเพื่อวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แต่ยังกระจายไปยังช่องทางโมเดิร์นเทรด หลังจากที่บริษัทเป็นผู้ผลิตเบเกอรี่ ให้กับร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น มานานกว่า 10 ปี
สำหรับแผนงานในการพัฒนาแบรนด์ช่วง 3 ปีนับจากนี้ได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดไว้ที่ 100 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำตลาดควบคู่กันทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็นงบประมาณทางการตลาดในปีหน้า (ปี 2560) ที่ 20-25 ล้านบาท จากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ที่ใช้ประมาณทางการตลาด 10 ล้านบาท ในการรุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบทั้งรูปแบบของโฆษณาทางทีวี (TVC) โดยจะโฟกัสการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ในสัดส่วน 70% ควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม 4-5 รายการ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเค้กและบิสกิต เป็นต้น
"เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการใช้เงินลงทุนราว 700 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตในส่วนของเครื่องจักรในโรงงานแห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 6 แสนชิ้นต่อวันเป็น 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน จากปัจจุบันที่บริษัทมีโรงงานทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ นิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี 2 แห่ง และที่ จ.นนทบุรี 2 แห่ง"
ขณะที่ในส่วนของการขยายตลาดต่างประเทศนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในแถบซีแอลเอ็มวี อันได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ผ่านการกระจายสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศในช่วงปลายปีนี้และจะเริ่มรุกตลาดจริงจังในช่วงต้นปีหน้า โดยมองว่าประเทศที่มีศักยภาพทางการเติบโตมากดีที่สุดในได้แก่ เวียดนาม เนื่องจากมีปัจจัยบวกด้านประชากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ วัยหนุ่มสาวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของทางแบรนด์อยู่จำนวนมาก
"ไม่เพียงในภูมิภาคอาเซียน แต่ในอนาคตเรายังวางเป้าหมายในการขยายตลาดไปยังทวีปยุโรป โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงาน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค การปรับโฉมแพ็กเกจจิ้งเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาด รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมอีกด้วย"
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากการรับจ้างผลิต (OEM) 95% และจากแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 80 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายรายได้อีก 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 4,500 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% แบ่งเป็นการรับจ้างผลิต (OEM) 70% และจากแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง 30%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,196
วันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559