อนุสรณ์ ศิวะกุล : ต้องถ่ายทอด กรอบความคิดไปยังทีมงาน

หากเอ่ยชื่อ “เครือวรรณสรณ์” อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยเท่าใดนัก แต่หากเป็น “เคมี อ.อุ๊” เชื่อว่าคนในวัย 15-40 ปี น้อยคนที่จะไม่รู้จัก โดยเฉพาะ “เด็กสายวิทย์”

“เคมี อ.อุ๊” เป็นโรงเรียนกวดวิชาที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อเด็กมัธยมและผู้ปกครองนับร้อยคน แห่ยึดพื้นที่หน้าโรงเรียนข้ามวัน ข้ามคืน เพื่อจองคิวลงทะเบียนเรียน และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน กับการกวดวิชาผ่านวิดีโอ ไม่ใช่การสอนสด โดยที่ผู้เรียนยังหนาแน่นเช่นเดิม เจ้าของฉายา “ร.ร. กวดวิชาพันล้าน”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “เคมี อ.อุ๊” ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึง ณ วันนี้ คือ “อ.อนุสรณ์ ศิวะกุล” สามีของ “อ.อุ๊ -อุไรวรรณ ศิวะกุล” และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่ง ประธานบริหารกลุ่มโรงเรียนกวดวิชาในเครือวรรณสรณ์ บริษัท วรรณสรณ์ธุรกิจ จำกัด ผู้บริหารโรงเรียนกวดวิชาวรรณสรณ์ หรือ เคมี อ.อุ๊ และอาคารวรรณสรณ์ ริมถนนพญาไท
กว่า 18 ปีที่รับราชการครู จนตัดสินใจลาออกเพื่อมาบริหารโรงเรียนกวดวิชา “เคมี อ.อุ๊” เต็มรูปแบบ เมื่อโรงเรียนถึงจุดพีกที่ต้องขยายสาขา 2 สิ่งแรกที่อ.อนุสรณ์ เลือกทำคือ การจัดวางระบบ และขยายสาขาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ปกครอง

“เราต้องขยายสาขาเพิ่มเพราะผู้ปกครองเองที่ไม่ยอม ด้วยที่นั่งมีจำนวนจำกัด เมื่อที่นั่งเต็มก็คือเต็ม จากห้องเรียนเล็กๆ ขยายเป็นอาคารพาณิชย์ จาก 1 คูหาเพิ่มเป็น 2 คูหา เมื่อเต็มก็ขยายไปฝั่งตรงข้ามอีก 2 คูหา แต่ละรอบรับนักเรียนได้ 500-600 คน ก็เต็มหมด สิ่งที่เห็นคือเด็กจำนวนมากมารอลงทะเบียนเรียนแบบข้ามวัน ข้ามคืน เพราะเกรงว่าจะเต็มเสียก่อน ทำให้เสียสิทธิ์ อ.อุ๊เองก็เป็นกังวลว่าเด็กจะลำบาก จึงกลับมาคิดกันว่าจะทำอย่างไร จนที่สุด อ.อุ๊ ประกาศขยายสาขาเพิ่ม”

การก้าวออกจากสะพานควาย เหมือนเปิดโลกกว้างให้กับ “ร.ร.กวดวิชา เคมี อ.อุ๊” จากวันนั้นถึงวันนี้ วันที่ใกล้จะมีสาขาครบ 30 แห่ง สิ่งที่โรงเรียนให้ความสำคัญเสมอคือ การพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพสูงสุด

“การรับราชการทำให้เรามีกรอบและมีลักษณะงานที่ชัดเจน (Job Description) มีความคิดเป็นระบบ วันนี้ในเครือวรรณสรณ์มีธุรกิจ 2 รูปแบบคือ บริหารพื้นที่เช่าอาคารวรรณสรณ์ และโรงเรียนกวดวิชาเคมี อ.อุ๊ ส่วนการบริหารงานก็แบ่งกันอย่างชัดเจน โดยผมดูแลการบริหารจัดการ และธุรกิจทั้งหมด ส่วน อ.อุ๊จะดูแล เรื่องของวิชาการ โดยในบางครั้งผมจะลงไปช่วยด้านวิชาการบ้าง ดังนั้นทีมบุคลากรก็มี 2 ส่วนเช่นกัน”

สิ่งที่ได้จากการทำงานระบบราชการมา ทำให้ทำระบบธุรกิจมีกรอบของการคิดที่เป็นระบบ ทุกอย่างจะต้องสามารถตรวจเช็กย้อนหลังได้ แต่จะไม่ใช้วิธีการของการที่ทำทุกอย่างให้เป็นเชิงปริมาณ เพราะเป็นอะไรที่เทอะทะ วุ่นวาย กับเอกสารต่างๆมากมาย เพราะงานส่วนใหญ่จะตรวจสอบย้อนหลังได้อยู่แล้ว เขาจึงต้องถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ไปยังทีมงานที่สร้างขึ้นใหม่ เพื่อเติมองค์ความรู้และความเข้าใจในธุรกิจ ที่วรรณสรณ์ให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริหารจัดการให้เป็นระบบ เพราะโรงเรียนที่มีหลายสาขา เรื่องของคุณภาพต้องสำคัญมาก รวมถึงความล่าช้า หรือข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงราชการ ที่นี่จะหมดไป

ทีมงานทุกคนต้องเรียนรู้กันและกัน “ผมต้องเรียนรู้เขา เขาต้องเรียนรู้ผม” หลายๆ ครั้งเลือกที่จะใช้สาขาเป็นตัวทดลอง เช่น สาขาชลบุรี ซึ่งเป็นสาขาแรกๆ ที่ขยายไปต่างจังหวัด ที่นี่เหมือนเป็นฐานทดลองที่จะใช้ศึกษาถึงโนว์ฮาวต่างๆ เช่น การสอนผ่านวิดีโอไปต่างจังหวัด ต้องทำอย่างไรให้ผู้ปกครองเข้าใจ และเชื่อว่าที่จะส่งลูกมาเรียนกวดวิชากับวิดีโอ เริ่มแรกอาจจะเปิดรอบจำกัด มีเครื่องจำกัด แต่ค่อยๆ ขยายในเวลาต่อมา รวมทั้งการจะทำอย่างไรที่จะเป็นอินเซนทีฟดึงดูดให้ทีมงานอยากที่จะย้ายไปทำงานที่ใหม่ ก็จะเปิดโอกาสให้ทีมงานขยายของกิน ขนม น้ำในร้านได้ แต่ต่อมานักเรียนมาบอกว่า จะติดต่อเจ้าหน้าที่ช่วงกลางวันไม่ได้ เพราะติดขายของ ทำให้ต้องปรับใหม่ เพื่อให้เกิดผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย

“เคมี อ.อุ๊ โตได้เพราะ คุณภาพ สิ่งสำคัญตามมาคือ ระบบ เพราะโรงเรียนของเราไม่สามารถสอนสดได้ทุกรอบ ทำให้ต้องพัฒนาระบบเพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพทัดเทียมกันไม่ว่าจะเรียนแบบสอนสด หรือจะสอนผ่านวิดีโอ เพราะทั้ง 2 รูปแบบจะมีคำถามและคำตอบให้กับนักเรียนเสมอ และนักเรียนก็สามารถส่งคำถามหรือข้อสงสัยที่มีมากกว่านั้นเข้ามายังทีมงาน และจะได้คำตอบอย่างรวดเร็ว แทบจะเรียกว่าเรียล ไทม์เลยก็ได้”

อีกบทบาทของอ. อนุสรณ์ คือ การรับตำแหน่งเป็นนายกสมาคมผู้บริหารและครูโรงเรียนกวดวิชา 2 สมัย และล่าสุดเมื่อสมาคมยุติบทบาทลงพร้อมจัดตั้งเป็นชมรมการศึกษาทางเลือก อ.อนุสรณ์ ก็ได้เสียงโหวตให้กลับมาเป็นประธานชมรมอีกครั้ง พร้อมทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้โรงเรียนกวดวิชาที่จดทะเบียนถูกต้อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,196
วันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559