โรคที่เกิดจาก 4 สัมผัสของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศ

26 ก.ย. 2559 | 04:02 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2559 | 11:03 น.
ปกติมนุษย์เราทำงานวันละ 8 -10 ชั่วโมง หรือใช้เวลาไปกับการทำงานประมาณ 2,000 ชั่วโมง ใน 1 ปี นั่นหมายความว่าคนเราใช้เวลาในชีวิตส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน ซึ่งพฤติกรรมในการทำงานนั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจได้ ด้วยสภาพการทำงานที่ต้องรีบเร่ง ล้วนมีส่วนทำให้พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของคนเปลี่ยนไป อีกทั้งการใช้คอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง การรับประทานอาหาร และการนอนไม่เป็นเวลาเพื่อทำงาน ให้เสร็จ ทำให้ร่างกายต้องแบกรับความเครี ยดซึ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายโดยที่ไ ม่รู้ตัว เว็บไซต์  จ๊อบไทยดอทคอม จึงมาเผยโรคที่มักจะเกิดจาก 4 สัมผัสของเหล่าพนักงานออฟฟิศให้ได้ทราบกัน

ปัจจุบันพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่มั กจะต้องทำงานผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งการทำงานที่ต้องใช้ตาเพ่งมอ งสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานาน มักจะทำให้เกิดปัญหาด้านสายตาตามมา นั่นก็คือ โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome - CVS)

กลุ่มที่ต้องระวัง: คนที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิว เตอร์ติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมง โดยไม่พักสายตา

· จุดสังเกต: ดวงตาล้า ดวงตาแห้ง รู้สึกแสบตา และดวงตาไม่สามารถสู้แสงหรือโฟกั สได้ ทั้งนี้อาจมีอาการปวดหัว คอ และบ่าร่วมด้วย

· สาเหตุ: การใช้คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอสว่างมากเกินไป การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ใกล้และ เป็นระยะเวลานานโดยไม่มีการพักสายตา รวมถึงการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ในระดับที่ไม่เหมาะสมกับระดับสาย ตา

· การป้องกันและการรักษา: ควรจะพักสายตาบ่อยๆ และหมั่นกระพริบตา อีกทั้งปรับความสว่างของแสงบนหน้ าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ศูนย์กลางหน้าจอควรต่ำกว่าระดับ สายตา 4-5 นิ้ว หรือประมาณ 15 – 20 องศา และควรวางห่างจากสายตาประมาณ20-28 นิ้ว ทั้งนี้หากยังมีอาการรุนแรงควรรี บปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา

นอกจากสายตาแล้ว มือก็เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่พนัก งานออฟฟิศต้องใช้งานแทบทั้งวัน จึงทำให้เกิดโรคที่เกิดจากการใช้ งานมือเป็นเวลานานเช่นกัน คือ โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อ มือ (Carpal Tunnel Syndrome – CTS)

กลุ่มที่ต้องระวัง: คนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน หรือคนที่ใช้ข้อมือหนัก

· จุดสังเกต: มักจะมีอาการชา หรือปวดที่บริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ ลามไปถึงหัวไหล่ โดยอาการมักจะเกิดตอนที่ใช้ข้อมื อหนักๆ จนทำให้กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง ไม่สามารถกำมือได้แน่น

· สาเหตุ: การใช้ข้อมือในท่าทางเดิมเป็นปร ะจำ มีการใช้ข้อมือหนักๆ เช่น เวลาพิมพ์คีย์บอร์ด หรือตอนควบคุมเมาส์โดยข้อมือเสี ยดสีกับพื้นโต๊ะตลอดเวลา

· การป้องกันและการรักษา: หากอาการยังไม่รุนแรง เบื้องต้นให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติ กรรมการใช้มือ หาอุปกรณ์มารองรับ ทำการประคบร้อน กดนวดบริเวณผังผืดที่กดทับเส้นป ระสาท หรือยืดเส้นประสาท แต่หากเริ่มมีอาการหนักขึ้นอาจต้ องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

รวมไปถึงการนั่งทำงานเป็นระยะเว ลานานของพนักงานออฟฟิศ ก็ทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับคอแล ะหลังได้ และ โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม (Cervical Spondylosis) ก็เป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตของคนทำ งานออฟฟิศ

กลุ่มที่ต้องระวัง: คนที่ต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลา นาน หรือคนที่มีพฤติกรรมชอบบิดคอ หมุนคอ

· จุดสังเกต:  ปวดบริเวณคอ ไหล่ และบ่า บางครั้งอาจมีอาการปวดร่วมกันจน ทำให้อาการหนักขึ้น คือลามไปกดทับเส้นประสาท ทำให้อาการปวดลามไปถึงแขน เริ่มมีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหากไปกดทับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะทำให้รู้สึกปวดหัว ปวดกระบอกตา และรู้สึกบ้านหมุน

· สาเหตุ: มีพฤติกรรมการใช้คอและกล้ามเนื้ อแผ่นหลังที่ผิดลักษณะ เช่น การบิดคอ การนั่งก้มหน้าทำงานเป็นระยะเวล านานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

· การป้องกันและการรักษา: หากต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลานา นให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยห มั่นยืดกล้ามเนื้อบ่อยๆ ไม่ควรโน้มศีรษะอ่านหนังสือเป็น เวลานานเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบ ริเวณคอทำงานหนักกว่าปกติ แต่ควรยกหนังสือให้ตั้งขึ้นในระ ดับสายตาแทน ในกลุ่มคนที่อาการยังไม่รุนแรงส ามารถรักษาด้วยการทานยา ทำกายภาพบำบัด หรือรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่ สูง (Nucleoplasty)

อย่างไรก็ตาม นอกจากความเจ็บป่วยทางร่างกายแล้ วความเครียดและภาวะกดดันจากการทำ งาน ยังอาจทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้อ งกับภาวะจิตใจและสมอง โดยที่คนทำงานมักไม่รู้ตัวได้เช่ นกัน เช่น

โรคสมาธิสั้นจากการทำงาน (Attention Deficit Trait – ADT)

กลุ่มที่ต้องระวัง: ทุกคน

· จุดสังเกต: ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรบางอย่างไ ด้นาน ความอดทนต่ำ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ การแบ่งเวลา และจัดลำดับความสำคัญต่อสิ่งต่า งๆ ลดลง รวมถึงมีอาการเครียด กังวล และคิดถึงปัญหาอยู่ตลอดเวลาโดยไ ม่แสดงออก

· สาเหตุ: สภาพแวดล้อมในการทำงานที่บีบคั้ นและวุ่นวาย ต้องรับผิดชอบและทำงานหลายอย่าง พร้อมกับในเวลาเดียว

· การป้องกันและการรักษา: พักผ่อน หรือเปลี่ยนอิริยาบถหากรู้สึกว่ าทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และควรมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้า ง รวมถึงพยายามจัดลำดับความสำคัญ แบ่งเวลาให้กับการทำงานอย่างเหม าะสม ทั้งนี้หากรู้สึกไม่ดีขึ้นควรไป ปรึกษาจิตแพทย์

สุดท้ายนี้ อย่าทำงานบนความเคยชิน และละเลยต่ออาการผิดปกติที่เกิด ขึ้น เพราะสิ่งที่อาจตามมาก็คือการถู กคุกคามด้วยโรคต่างๆ ลองให้เวลากับตัวเองสักนิด หันกลับมาสำรวจความผิดปกติของร่ างกาย ว่าร่างกายของเราเริ่มส่งสัญญาณ เตือนให้มาใส่ใจดูแลตัวเองบ้างห รือยัง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ยังมีบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์สำหรับคนทำงานอี กมากมาย อาทิ 7 วิธีปลุกพลังในตอนเช้าของคุณ นอนไม่ตรงเวลาภัยเงียบของคนรุ่น ใหม่ และ พฤติกรรมที่จะทำให้คุณจะเสียใจเ มื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 เป็นต้น โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอี ยดเพิ่มเติมได้ที่ www.jobthai.com/reach

ที่มา : เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com)