วัคซีนป้องกันฝีดาษลิงได้ชื่ออะไร ต้องฉีดยังไง มีประสิทธิภาพแค่ไหน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หลังพบวัคซีนป้องกันฝีดาษคนสามารถใช้ได้
วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงได้มีจริงหรือไม่ เป็นคำถามที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากเวลานี้โรคฝีดาษลิงพบผู้ป่วยแล้วในหลายประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียนั้น
"ฐานเศรษฐกิจ" จะพาไปไขคำตอบเรื่องของวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงได้ว่ามีชื่อว่าอะไร และประเทศใดที่เป็นผู้พัฒนา ใช้ได้ผลดีหรือไม่
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ ว่า
วัคซีนป้องกันฝีดาษคน สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ราว 85%
และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า นอกจากวัคซีนเก่า (ACAM2000) ที่เคยใช้ได้ผลดีเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยวิธีการที่เรียกว่าปลูกฝีคือ หยดวัคซีนหรือหนองฝีลงไป แล้วสะกิด
พบว่ามีวัคซีนชนิดใหม่ ที่ไม่ใช่การหยดแล้วสะกิด แต่เป็นการฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ไม่ใช่การฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (Intradermal) ที่ผลิตสำเร็จและใช้อยู่ก่อนแล้วเป็นของบริษัทเดนมาร์ก
และได้รับการรับรองจากอย.สหรัฐอเมริกา(USFDA)
สำหรับรายละเอียดของวัคซีนที่เป็นความหวังในการป้องกันฝีดาษลิงนั้น ประกอบด้วย
- วัคซีนชื่อการค้า JYNNEOS
- ผลิตโดยบริษัท Bavarian Nordic A/S ของเดนมาร์ก
- เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ผลิตจากไวรัสสายพันธุ์ใกล้เคียงกับฝีดาษคนชื่อ MVA-BN : Modified Vaccinia Ankara-Bavarian Nordic
- ขั้นตอนการผลิต เลี้ยงไวรัสในเซลล์ไข่ไก่ฟัก (CEF : Chicken Embryo Fibroblast)
- ฉีด 2 เข็ม เข้าชั้นใต้ผิวหนัง ห่างกัน 28 วัน
- ขนาดที่ฉีด 0.5 CC
- ฉีดในคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ แดง เจ็บบริเวณที่ฉีด มีอาการร้อน คัน และอาจปวดเมื่อยได้
- วัคซีนได้ผลดี กระตุ้นทั้งระบบน้ำเหลือง (Humoral) และระบบเซลล์ (Cellular)
- ป้องกันได้ทั้งโรคฝีดาษคนและฝีดาษลิง
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าวัคซีนแบบเดิมถึงสองเท่าคือ 152.8 GMT(PRNT) เทียบกับของเดิม 84.4 GMT
ที่น่าสนใจคือการปลูกฝีแบบเดิม ซึ่งทำมาหลายสิบปีแล้วนั้น พบว่าภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานนับสิบปี โดยมีค่าครึ่งอายุนานถึง 92 ปี
ส่วนวัคซีนใหม่นี้ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า แต่เป็นวัคซีนใหม่จึงต้องศึกษาต่อไปว่า ภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานเพียงใด