KEY
POINTS
การเข้าสู่โหมดตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุด “อนุทิน 1” เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ไม่ได้เป็นเพียงขั้นตอนตามกฎหมาย แต่สะท้อนสัญญาณเชิงการเมืองที่สำคัญต่อการจัดทัพรัฐบาลผสมครั้งนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อรัฐมนตรีเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) โดยมีทั้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการกฤษฎีกา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมเป็น “กรรมการกลั่นกรอง” ก่อนนำโผรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ
ไฮไลต์ของโผ ครม. ไม่ใช่แค่การวางคนของภูมิใจไทย แต่คือ “สูตรทางการเมือง” ที่ผสมผสานทั้งสายกฎหมาย บ้านใหญ่ เครือข่ายภูมิภาค และ กลุ่มเทคโนแครต-เอกชน เข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกคัดสรรเพื่อสร้างสมดุลทั้งในสภาและในเชิงอำนาจรัฐ
5 ตัวละครแกนกลางคุมเกม
1.อนุทิน ชาญวีรกูล
นายกรัฐมนตรี-รมว.มหาดไทย ครองอำนาจสูงสุดทั้งงานการเมืองและราชการมหาดไทย ถือเป็น “เบอร์หนึ่ง” ที่ต้องการกำหนดทิศทางรัฐบาลและรักษาสมดุลพรรคร่วม
2.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ
อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นักกฎหมายรัฐธรรมนูญชื่อดัง นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย คือ “เครื่องมือทางกฎหมาย” ที่รัฐบาลอนุทินต้องการใช้ประคับประคองเกมแก้รัฐธรรมนูญ และรับมือศึกการเมืองในอนาคต
3.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
รองนายกฯ-รมว.เกษตรฯ การกลับมาในบทบาทผู้กุมเครือข่ายการเมืองภาคเหนือและกลุ่มบ้านใหญ่ ทำให้เขาเป็น “ตัวประสาน” สำคัญในการค้ำเสียงรัฐบาล
4.สุชาติ ชมกลิ่น
จากอดีตรมว.แรงงาน ขยับขึ้นเป็นรองนายกฯ ควบรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ถือเป็น “ตัวแทนสายตะวันออก” และบ้านใหญ่ภาคตะวันออกที่ยังคงอิทธิพลต่อรัฐบาล
5.พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์
อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (อดีตรอง ผบช.ภาค 3) ขึ้นแท่น รมว.ยุติธรรม แม้จะเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง แต่เป็น “คนใกล้ชิดครูใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน”
การแต่งตั้งครั้งนี้ คือ การส่งสัญญาณการสอดแทรกของเครือข่ายเก่าในกระทรวงด้านความยุติธรรม
สมการอำนาจเก่า-ใหม่ผสาน
“โผ ครม.อนุทิน 1” สะท้อนให้เห็นการวางหมากอย่างรอบด้าน
• สายภูมิใจไทยดั้งเดิม : พิพัฒน์ รัชกิจประการ, ศุภมาส อิศรภักดี
• สายบ้านใหญ่ : ธรรมนัส พรหมเผ่า, อัครา พรหมเผ่า
• สายเทคโนแครต-เอกชน : ศุภจี สุธรรมพันธุ์ (รมว.พาณิชย์), อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ (รมว.พลังงาน)
• สายกฎหมาย-ข้าราชการประจำ : บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว (รมว.ต่างประเทศ)
นี่คือการ “กระจายเค้กทางการเมือง” ให้ทุกกลุ่มมีส่วนแบ่ง เพื่อสร้างความมั่นคงต่อการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ในเวลาเดียวกันก็สะท้อนการประนีประนอมกับเครือข่ายเก่า-ใหม่ที่ยังคงแทรกซึมในอำนาจรัฐ
“รุทธพล”กับสัญญาณขั้วสีน้ำเงิน
กรณีของ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ คือ “จิ๊กซอว์สำคัญ” ที่ทำให้โผ ครม.อนุทินแตกต่าง เขาเป็นตำรวจที่รับราชการในบุรีรัมย์มาตลอดเส้นทางชีวิตราชการ ก่อนจะลาออกก่อนเกษียณเพื่อเลื่อนยศขึ้น พล.ต.ท.
การเข้ามานั่งเก้าอี้ รมว.ยุติธรรม ของ รุทธพล ไม่ใช่เพียงการเลือก “คนนอกการเมือง” มาคุมกระทรวงสำคัญ แต่เป็นการเปิดทางให้ “ขั้วสีน้ำเงิน” และเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับ “ครูใหญ่การเมือง” เข้ามากุมกลไกยุติธรรมอย่างมีนัยสำคัญ
นั่นหมายถึง “รัฐบาลอนุทิน” ต้องการสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงทางการเมือง ผ่านการจัดวางบุคคลที่ไว้วางใจในกระทรวงยุทธศาสตร์
ครม.อนุทิน 1 ไม่ได้เป็นเพียงคณะรัฐมนตรีเพื่อ “บริหารราชการแผ่นดิน” เท่านั้น แต่เป็น “ครม.การเมือง” ที่จัดทัพเพื่อสร้างเสถียรภาพรัฐบาลผสมและคุมสมดุลของพันธมิตร
การดัน “บวรศักดิ์” เข้ามารับผิดชอบด้านกฎหมาย คือการป้องกันปัญหาทางด้านข้อกฎหมาย
การวาง “ธรรมนัส” และ “สุชาติ” เข้าตำแหน่งรองนายกฯ คือ การยึดหัวเมือง-เครือข่ายบ้านใหญ่
การส่ง “รุทธพล” เข้าคุมยุติธรรม คือสัญญาณว่าขั้วสีน้ำเงินยังมีบทบาทสำคัญในเกมอำนาจไทย
ดังนั้น “โผ ครม.อนุทิน 1” จึงเป็นมากกว่าการจัดทีมทำงาน แต่คือ สมการการเมืองใหม่ที่เชื่อมต่ออดีตและปัจจุบัน พร้อมกับการสอดแทรกของเครือข่ายที่ยังไม่เคยหลุดจากวงจรอำนาจไทย
รายงานพิเศษ หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4132 ระหว่างวันที่ 18 -20 ก.ย. 2568