ใครต่างก็ปรารถนามีชีวิตที่ดี ๆ ทั้งนั้น... คำว่ามีชีวิตที่ดีคือมีสุขภาพที่แข็งแรง มีกำลัง มีทรัพย์ใช้จ่ายสมฐานะแห่งตน
ในคัมภีร์พุทธศาสนา บุคคลที่มีชีวิตดีตามที่กล่าวมาขั้นต้น โดยมากเป็นบุคคลที่มีก้าวแรกอยู่ในแดนอมตะธรรมแล้วทั้งสิ้น อาทิ นางวิสาขาและ นายสุทัตตะ หรือ อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นต้น
ก้าวแรกในที่นี้... ท่านใดได้ก้าวเข้าไปแล้ว ชีวิตของท่านจะไม่มีคำว่าตกต่ำทุกภพชาติ เพราะเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนจากจิตใจปุถุชนกลายเป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นอริยชน
เมื่อเขียนแบบนี้ มักจะมีคนชอบถามต่อไปว่าแล้วทำอย่างไร ให้มีก้าวแรกที่เปลี่ยนชีวิตทำให้ไม่ตกต่ำทุกภพชาติได้ล่ะ อันนี้พูดยาก... เพราะเห็นหลายแห่งหลายสำนักนิยมนำเอา ผลลัพธ์มาบอกสอนราวกับเป็นวิธีปฏิบัติ
โสดาบัน คือ ก้าวแรกของการมีชีวิตที่ไม่ตกต่ำทุกภพชาติ แล้วก็นิยมนำเอาคุณธรรมโสดาบันมาบอกให้ละ อาทิ ละสักกายะทิฐิ ละวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ความจริงคุณธรรมเป็นผลลัพธ์ของการปฏิบัติเรียกว่า ปฏิเวธ
คำถามจริง ๆ ต้องถามว่า ต้องปฏิบัติแบบไหนจึงสามารถมีคุณธรรมแบบนั้นได้ สำหรับผู้คงแก่การปฏิบัติก็จะบอกว่า ต้องมีศีลที่บริสุทธิ์ครบ ต้องตั้งนั่งภาวนาอบรมพัฒนาจิต ก็เป็นคำถามที่ถูกแต่กว้างมากกว่าลึก
แต่สำหรับคนไม่รู้อะไรเลยแบบผม กลับมองว่า การที่ตอกย้ำกับใจตัวเองย่อย ๆ ให้กลัวบาป ไม่ว่าการพูด การทำ จะเป็นมรรคาเล็ก ๆ ให้เราเข้าถึงคุณธรรมนั้นได้โดยธรรมชาติ แบบไม่ต้องฝืน แบบไม่ต้องเกร็ง แบบไม่ต้องรู้สึกว่าธรรมะนี้ยากเหลือเกิน
บางสำนักนิยมสอนว่า การฝืนตัวเองมาก ๆ จะทำให้เข้าถึงคุณธรรมขั้นสูง อันนี้ก็พูดแบบไม่มีสถิติ คนที่ปรารถนาธรรมแล้วฝึกตัวเองด้วยการฝืนตัวเอง มักจะเครียดและสุดท้ายทิ้งเลิกฝึก มีมากถึง 90% ชาวตะวันตกจึงนิยมฝึกแบบมหายานเพราะไม่ฝืน ถึงเวลาจิตปล่อยคลายสิ่งต่าง ๆ เองลงได้ด้วยปัญญาก็วางเองแบบไม่ฝืนเลย
เคยถามลามะ... ในอินเดีย ที่ทุก ๆ ฤดูหนาวจะหนีความหนาวจากธรรมศาลา มาที่ กาย่า หรือ พุทธคยา ว่า มีวิธีฝึกจิตอย่างไรเพื่อการเข้าถึงโสดาบัน เขาใช้ภาษาเรียบง่ายว่า...
ฝึกโพธิจิต...
ข้อแรก ไม่เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์เพราะเรา
ข้อสอง เจริญความกรุณาในหัวใจให้มาก(การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น)
ข้อสาม ภาวนาให้เหมาะแก่ร่างกายไม่ทรมานร่างกายเกินไป
ข้อสี่ หมั่นสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตร
ข้อห้า คอยหมั่นตรวจสอบอารมณ์ของตัวเอง
มรรคาเล็ก ๆ นี้เปรียบเหมือนถนน ที่สามารถนำเอากายใจ ไปฝึกฝนได้จริง และการฝึกแบบนี้ไม่ต้องไปฝึกที่สำนักหรือวัดใด ๆ สามารถฝึกที่บ้านได้ด้วยตนเอง แต่ถ้ามีเวลามากพอค่อยเดินทางไปแสวงหาสถานที่สงบในการฝึกจิต
การเปิดกว้างทางจิตใจในการเรียนรู้ จะทำให้เราเข้าใจคำว่า พุทธศาสนา ว่ามีความกว้างขวางหลายมิติ มากกว่าแค่ยึดติดเรียนรู้แล้วก็วิวาทกันแต่แค่เพียงเถรวาท
แม้ผมจะรู้พระภิกษุในเถรวาทเมืองไทยมากมายหลายรูปตั้งแต่อดีตถึงในปัจจุบัน แต่แนวทางการเรียนรู้ฝ่ายปฏิบัติธรรมผมเน้นทางมหายาน และเมื่อฝึกแล้วรู้สึกว่าจิตใจโปร่งเบา เลยปรารถนาให้ท่านที่สนใจในธรรมลองนำไปปฏิบัติเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
อย่างน้อย ๆ คำว่า ละอัตตา นั้นย่อมปรากฏได้อย่างลึกซึ้ง ภาวะการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ย่อมปรากฏแจ่มแจ้งยิ่งในขณะปฏิบัติ แต่ถ้าประคองให้เห็นและสัมผัสได้ทุกวินาที เกิดกี่ภพชาติย่อมมีชีวิตไม่ตกต่ำแน่นอน