ก้าว ที่ทำให้ชีวิตไม่ตกต่ำทุกภพชาติ

29 ต.ค. 2568 | 20:30 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2568 | 01:28 น.

ก้าว ที่ทำให้ชีวิตไม่ตกต่ำทุกภพชาติ คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

ใครต่างก็ปรารถนามีชีวิตที่ดี ๆ ทั้งนั้น... คำว่ามีชีวิตที่ดี​คือ​มีสุขภาพที่แข็งแรง​ มีกำลัง​ มีทรัพย์ใช้จ่ายสมฐานะแห่งตน​

ในคัมภีร์พุทธศาสนา​ บุคคลที่มีชีวิตดีตามที่กล่าวมาขั้นต้น​ โดยมากเป็นบุคคลที่มีก้าวแรกอยู่ในแดนอมตะธรรมแล้วทั้งสิ้น​ อาทิ นางวิสาขา​และ​ นายสุทัตตะ​ หรือ​ ​อนาถบิณฑิกเศรษฐี​ เป็นต้น​

ก้าวแรกในที่นี้... ท่านใดได้ก้าวเข้าไปแล้ว​ ชีวิตของท่านจะไม่มีคำว่าตกต่ำทุกภพชาติ​ เพราะเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนจากจิตใจปุถุชนกลายเป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นอริยชน

เมื่อเขียนแบบนี้​ มักจะมีคนชอบถามต่อไปว่า​แล้วทำอย่างไร​ ให้มีก้าวแรกที่เปลี่ยนชีวิตทำให้ไม่ตกต่ำทุกภพชาติได้ล่ะ อันนี้พูดยาก... เพราะเห็นหลายแห่งหลายสำนักนิยมนำเอา​ ผลลัพธ์มาบอกสอนราวกับเป็นวิธีปฏิบัติ​

โสดาบัน​ คือ​ ก้าวแรกของการมีชีวิตที่ไม่ตกต่ำ​ทุกภพชาติ​ แล้วก็นิยมนำเอาคุณธรรมโสดาบันมาบอกให้ละ​ อาทิ​ ละสักกายะทิฐิ​ ละวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ความจริงคุณธรรมเป็นผลลัพธ์ของการปฏิบัติเรียกว่า​ ปฏิเวธ​

คำถามจริง ๆ ต้องถามว่า​ ต้องปฏิบัติแบบไหนจึงสามารถมีคุณธรรมแบบนั้นได้​ สำหรับผู้คงแก่การปฏิบัติก็จะบอกว่า​ ต้องมีศีลที่บริสุทธิ์ครบ ต้องตั้งนั่งภาวนาอบรมพัฒนาจิต​ ก็เป็นคำถามที่ถูกแต่กว้างมากกว่าลึก

แต่สำหรับคนไม่รู้อะไรเลยแบบผม​ กลับมองว่า​ การที่ตอกย้ำกับใจตัวเองย่อย ๆ​ ให้กลัวบาป​ ไม่ว่าการพูด การทำ​ จะเป็นมรรคาเล็ก ๆ ให้เราเข้าถึงคุณธรรมนั้นได้โดยธรรมชาติ แบบไม่ต้องฝืน​ แบบไม่ต้องเกร็ง​ แบบไม่ต้องรู้สึกว่าธรรมะนี้ยากเหลือเกิน​

บางสำนักนิยมสอนว่า การฝืนตัวเองมาก ๆ จะทำให้เข้าถึงคุณธรรม​ขั้นสูง​ อันนี้ก็พูดแบบไม่มีสถิติ​ คนที่ปรารถนาธรรมแล้วฝึกตัวเองด้วยการฝืนตัวเอง​ มักจะเครียดและสุดท้ายทิ้งเลิกฝึก​ มีมากถึง 90% ชาวตะวันตกจึงนิยมฝึกแบบมหายานเพราะไม่ฝืน ถึงเวลาจิตปล่อยคลายสิ่งต่าง ๆ เองลงได้ด้วยปัญญาก็วางเองแบบไม่ฝืนเลย

เคยถามลามะ... ในอินเดีย​ ที่ทุก ๆ ฤดูหนาวจะหนีความหนาวจากธรรมศาลา มาที่ กาย่า​ หรือ​ พุทธคยา​ ว่า​ มีวิธีฝึกจิตอย่างไรเพื่อการเข้าถึงโสดาบัน​ เขาใช้ภาษาเรียบง่ายว่า...

ฝึกโพธิจิต...

ข้อแรก​ ไม่เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์เพราะเรา

ข้อสอง​ เจริญความกรุณาในหัวใจให้มาก​(การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น)​

ข้อสาม​ ภาวนาให้เหมาะแก่ร่างกายไม่ทรมาน​ร่างกายเกินไป​

ข้อสี่​ หมั่นสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตร

ข้อห้า คอยหมั่นตรวจสอบอารมณ์ของตัวเอง

มรรคาเล็ก ๆ นี้เปรียบเหมือนถนน​ ที่สามารถนำเอากายใจ ไปฝึกฝนได้​จริง​ และการฝึกแบบนี้ไม่ต้องไปฝึกที่สำนักหรือวัดใด ๆ​ สามารถฝึกที่บ้านได้ด้วยตนเอง​ แต่ถ้ามีเวลามากพอค่อยเดินทางไปแสวงหาสถานที่สงบในการฝึกจิต

การเปิดกว้างทางจิตใจในการเรียนรู้ จะทำให้เราเข้าใจคำว่า​ พุทธศาสนา​ ว่ามีความกว้างขวางหลายมิติ​ มากกว่าแค่ยึดติดเรียนรู้แล้วก็วิวาทกันแต่แค่เพียงเถรวาท​

แม้ผมจะรู้พระภิกษุในเถรวาทเมืองไทยมากมายหลายรูปตั้งแต่อดีตถึงในปัจจุบัน​ แต่แนวทางการเรียนรู้ฝ่ายปฏิบัติธรรมผมเน้นทางมหายาน​ แล​ะเมื่อฝึกแล้วรู้สึกว่าจิตใจโปร่งเบา เลยปรารถนาให้ท่านที่สนใจในธรรมลองนำไปปฏิบัติ​เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง​

อย่างน้อย ๆ คำว่า ละอัตตา นั้นย่อมปรากฏได้อย่างลึกซึ้ง​ ภาวะการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป​ ย่อมปรากฏแจ่มแจ้งยิ่งในขณะปฏิบัติ แต่ถ้าประคองให้เห็นและสัมผัสได้ทุกวินาที​ เกิดกี่ภพชาติ​ย่อมมีชีวิตไม่ตกต่ำแน่นอน​