ฟังคำสอนพระสาวก​ก็บรรลุธรรมได้

24 ก.ย. 2568 | 20:30 น.

ฟังคำสอนพระสาวก​ก็บรรลุธรรมได้ คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

KEY

POINTS

  • พระสารีบุตรบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันได้จากการฟังธรรมของพระอัสสชิเถระซึ่งเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า
  • พระอานนท์ได้บรรลุธรรมจากการฟังธรรมของพระปุณณมันตานีบุตร ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการฟังคำสอนของพระสาวกสามารถทำให้บรรลุธรรมได้เช่นกัน

มีความพยายาม​ สร้างคอนเทนต์ใหม่​ คล้ายยากล่อมประสาทผู้คน​ ว่าการศึกษาธรรมะควรฟังแต่คำสอนของพระตถาคต​ ไม่ให้ฟังคำของพระสาวก​

พระตถาคต​ อันที่จริงประโยคนี้​ เป็นประโยคที่พระพุทธเจ้าทรงใช้แทนพระนามของพระองค์เอง เวลาสนทนาธรรมกับเทวดา​ กษัตริย์​ มนุษย์​ ฯลฯ​ ไม่ใช้นามแทนพระองค์ว่า​ อาตมา​ แบบพระสาวก​ แต่จะแทนพระองค์ว่า​ ตถาคต​

แต่เรา ๆ ท่าน ๆ ควรเอ่ยพระนามท่านว่า​ พระพุทธเจ้า/ พุทธะ​/ พระผู้มีพระภาคเจ้า​ เป็นต้น​ มากกว่าไปเอ่ยว่า พระตถาคต​

เมื่อสืบถามรวมความ.. มักจะกล่าวอ้างว่า​ เหตุที่ไม่ให้ฟังคำพระสาวกเพราะเป็นคำแต่งใหม่... ใครต่อใครถามก็อ้างเหตุผลนี้เหตุผลเดียว.. เป็นคาถากันคนมาเถียง... 

จะหยิบมาเล่าให้ฟังว่า... พระสารีบุตร​ บรรลุธรรมเป็นโสดาบันได้ก่อนออกบวชเพราะฟังคำพระสาวก... กลัวพระสงฆ์บางสำนักแถวปทุมธานี​ จะลืมขอเล่าย้อน ดังนี้

อุปติสสะ​ ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ​ ผู้เป็นพระสาวก​ นามนี้เป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์​ ความว่า

ท่านกล่าวบทอันลึกซึ้งละเอียดทุกอย่าง เป็นเครื่องฆ่าลูกศร คือ ตัณหา เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล ว่าธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้

ฟังจบแล้ว​ อุปติสสะ ได้เป็นอริยบุคคลเบื้องต้น​ คือ โสดาบัน​ ต่อมาเมื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วได้ออกบวช​เป็นพระภิกษุ​ จึงมีนามว่า พระสารีบุตร และได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า​ เป็นผู้เลิศด้วยปัญญาอันยิ่ง ปัญญาของพระสารีบุตรนั้น​อุปมาอุปไมยได้ว่า​ แม้ฝนตกลงมาจากฟากฟ้า​ ด้วยสติปัญญานั้น​ สามารถนับเม็ดฝนที่ตกลงมาได้ครบไม่ขาดหายเลยสักเม็ดหนึ่ง​

ในอานันทสูตร พระอานนท์กล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่าท่านบรรลุธรรมเพราะได้ฟังธรรมจากพระปุณณมันตานีบุตร ซึ่งมีใจความว่า เพราะบุคคลยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 จึงเกิดตัณหา มานะ และทิฏฐิว่า "เรามี" เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 จึงไม่เกิดตัณหา มานะ และทิฏฐิว่า "เรามี" เมื่อบุคคลเข้าใจว่าขันธ์ 5 ไม่เที่ยงแล้วจึงจบกิจได้

นี่คงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนแล้วว่า​ การฟังธรรมจากพระสาวก​ ก็สามารถบรรลุธรรมได้​ แม้จะเพียงขั้นเบื้องต้นอย่าง​ โสดาบัน ก็ตาม ดังนั้น คติที่กล่าวว่า​ ไม่ควรฟังธรรม​ คำสอนของพระสาวก​ ไม่ว่าจะคำสอนของพระรูปใด ๆ ก็ตาม​ไม่ควรฟัง นั้นเป็นมายาคติทางจิตวิญญาณหลอนอย่างหนึ่ง​ ที่คิดเองเข้าใจเอง แต่หาใช่ความจริงไม่...

คำของพระสาวกทั้งหลายจากรุ่นสู่รุ่นก็มีคุณูปการต่อพระสงฆ์​พระพุทธศาสนาไม่น้อยทีเดียวเช่นกัน​ ทำให้เรื่องบางเรื่องที่ยากกลายเป็นภาษาสื่อสารที่ง่ายขึ้น​ เข้าใจง่ายขึ้น​

การมุ่งเน้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า​ เป็นสิ่งที่ดี​ แต่พระพุทธองค์เองก็มิเคยห้ามศาสนิกชนฟังคำของพระสาวกเลย... ดังนั้นหากจะกล่าวอ้างว่า​ ไม่ควรฟังคำสาวก​ นั่นย่อมหมายความว่า​ คำสอนพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในพระไตรปิฎก​ ทั่วโลกต้องใช้ฉบับเดียวกัน​ สำนวนเดียวกันหมด​ซึ่งในความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่​

เพียงแค่ของพุทธศาสนาในสายมหายาน​ ก็มีสำนวนที่แตกต่างจากของเถรวาทไปไหนต่อไหน​ ทั้งข้อวัตรปฏิบัติก็แตกต่างกัน​

ผู้ที่ชอบเผยแพร่ว่า ห้ามฟังคำสาวก​ เชื่อฟังคำสาวก​ ควรหันกลับมาพิจารณาตนเองก่อนว่า​ ตนเองเป็นใคร... รึในใจคิดได้เพียงแค่อย่างเดียวว่า... ถ้าใครเชื่อตาม.. คนนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ ใครไม่เชื่อตาม.. คนนั้นเป็น​มิจฉาทิฏฐิ​

พระรูปใดมีแนวคิดเช่นนี้ต่อสาธุชนคนทั้งหลายเมื่อไหร่​ ความอันตรายในธรรมกำลังมาเยือนพระสงฆ์รูปนั้นแลในไม่ช้าแล...