เบอร์กิ้น กระเป๋าประมูล

05 พ.ย. 2565 | 07:17 น.

คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

ต่อเนื่องมาจากรายการไวน์ประมูลก็ให้นึกถึงว่ากระเป๋าเครื่องหนัง เขาก็มีการประมูลเปนประจำอยู่เหมือนกัน และกระเป๋าที่โด่งดังทำราคาได้ดี ก็ต้องนี่ล่ะ กระเป๋าเบอร์กิ้น ของแอร์เมส แห่งฝรั่งเศส
 

ในวันที่โกโก้ เริ่มใช้ ซิปมาติดเข้ากับเสื้อผ้าชาเนลแทนกระดุมนั้น ก็อย่าได้พลันไปเข้าใจว่า โกโก้เธอนำสมัย งานนวตกรรมซิปรูดที่กองทัพมะริกันใช้รูดถุงหุ้มระเบิด พวกแอร์เมสใช้ทำกระเป๋าหนังรูดปื้ดๆมาก่อนนานแล ในฐานะผู้ผ่านวันเวลามานาน แอร์เมสมีชื่อจากงานอานม้า_งานหนัง

เขาผู้มีฝีมือประณีต_เธียร์รี แอร์เมสเปนบุตรชายสืบทั้งสายสกุลและสายวิชา จากชาร์ล-เอมิล แอร์เมส อันว่ากิจการใดๆล้วนก่อร่างขึ้นมาภายใต้กติกาทุนเรือนหุ้นเข้าทุน ใครถือหุ้นคนนั้นรับผิดชอบ รับผิดเมื่อขาดทุน รับชอบเมื่อกำไร
 

ชื่อทางการค้า แอร์เมส เปลี่ยนมาสามรอบสี่รอบ ตามกติกาใครใส่ทุนมาสู้เสี่ยง

1. Hermès Père et Fils
  

แอร์แมส พ่อลูก 
 

2. Hermès Frères
  

แอร์เมส พี่น้อง
 

3. Hermès
 

เอมิล-มอรีซ และ อดอลฟ  สืบตระกูล ชาร์ล-เอมิล ถึงจุดนี้ต้องบอกว่า เอมิล-มอรีซ แอร์เมส มีและเปนครอบครัวที่แปลก แปลกตรงแตกสาแหรกกิจการขยายมาทางลูกเขย เขยแต่ละคน คิดของสร้างสรรค์ให้พ่อตาคนละอย่าง
 

โรแบร์ คิดผ้าพันคอ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผูกลายสวยโก้ บนผ้าต่วนไหมรื่นระราบทาบช่วงคอเรียวระหงของลูกค้า
 

ฌองแอร์ 
คิดทำน้ำหอม กลิ่นระฟรวยชวยชมยามหน้าหนาว กลิ่นระรื่นชื่นใสยามหน้าร้อน
 

ส่วนตัวพ่อตาเอง ในอดีตลงทุนเดินทางไกลไปเฝ้าพระเจ้าซาร์จักรพรรดิ ถึงดินแดนจักรวรรดิ์รัสเซียโน่น
 

ไปทำไร? ก็ไปขายเครื่องสรรพาวุธยุทธภัณฑ์น่ะสิ!
 

ในเมื่อม้าเปนยุทโธปกรณ์การรบสมัยโบราณชนิดหนี่ง อานม้าไม่นับเปนยุทธภัณฑ์ได้ไง 55 ?  
 

อย่าไปแปลกใจเลย ขนาดลัมโบกีนี่ ก่อนมาเปนรถสปอร์ตทำหน้างุดมุดกระทิง ก็ทำรถถังขายมาก่อน!


 

กองทหารม้าฮุสซาร์ของรัสเซียนั้นเกรียงไกร พูดไปแล้วจะไม่อยากเชื่อว่าสมัยนั้น ผู้บังคับการกรมทหารม้าฮุสซาร์ ในสมเด็จพระจักรพรรดิซาร์นิโคลัสเปนคนไทย ชื่อนายพุ่ม !
 

อย่าไปแปลกใจเลย ขนาด มร.ติลลิกี้ นักกฎหมายลังกายังเปนพระยาเมืองไทยได้ ว่าคดีพระยอดเมืองขวางสู้พิพาทฝรั่งเศสชนะก็แล้วกัน ตั้งสำนักงานติลิกี้ & กิบบิ้นส์ ร่วมกับผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อังกฤษ ยืนยงอยู่ในกทม. ผ่านเวลามาร้อยกว่าปี จนบัดนี้
 

ภาษิตมาไซว่า ‘สายตาที่ฉลาดย่อมเกิดจากการเดินทาง’

 

เอมิล-มอรีซ เปนเช่นนั้น เขาพยายามอธิบายถึงโลกใบใหม่ที่เขาไปพบเจอคราวลุยไปพบพระเจ้าซาร์ เขาบอกกับอดอลฟ น้องชายว่า รถม้ากำลังจะหมดไป ใครๆจะพากันใช้รถยนต์ แอร์เมส จะต้องรีบปรับตัวรับมืออดอลฟ ไม่เห็นด้วยกับวิสัยทัศน์แห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ เมื่อราวปี 1920 เขาเปิดทางให้พี่ชายด้วยการขายหุ้นส่วนของเขาทั้งหมดในกิจการแอร์เมสที่สืบกงสีจากปู่ให้พี่!
 

อย่างไรก็ดีสินค้าของแอร์เมสยังผูกพันกับม้า ในตำราฝ่ายทิเบตชอบนักเวลาดูใจคน เอารูปให้คนเลือกระหว่างม้ากับเสือ ใครเลือกเสือเปนพวกอำนาจอวดเบ่ง ใครเลือกม้าเปนพวกสง่าองอาจ
 

คือคำอธิบายว่า คนไม่มีอำนาจในตัว เลยชอบเลือกเสือมาคุ้มตัว ส่วนพวกมีอำนาจในตัวอยู่แล้วเลยเฉยๆ เลือกม้ามาเปนพลังเมตตาสำหรับตัว


 

ตรงนี้คิดๆไปก็จะเหมือนเป้าหมายที่ใฝ่หา ทางจิตวิทยา ยังไม่มีอะไรก็จะไขว่คว้าตั้งหาขวนขวายประสงค์สิ่งนั้น 
 

ถ้าหากว่ามีหมดแล้วจะคว้าไขว่อะไร?  ตอบได้ว่า ไม่คว้าหาแต่แจกให้ _คนส่วนใหญ่ที่ทำหน้าที่ ฟิเลนโทรฟิสท์ของสังคม-ซ่อนเเววตาเสือ_เลือกม้า55
 

กลุ่มเป้าหมายสินค้าของแอร์เมสก็อย่างนั้น ถือกระเป๋าใบละล้าน ใช้ทนทานรับประกันงานฝีมือตลอดชีพ ก็เหมือนบินชั้นเฟิร์สคลาส เปลี่ยนเลื่อนเที่ยวบินได้ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
 

ฝรั่งมังค่าใช้กระเป๋าเคลลี่_ทรงเกรซ เคลลี่ ราชินีมอนาโค กระตุบกระตับลากถู วางพื้น ให้คุ้มค่าความทนทาน ฝรั่งอีกพวกใช้กระเป๋าทรงเบอร์กิ้น เหมือนทรงแรกแต่ว่ามีสองหู แต่สู้ทรงเคลลี่ที่ติดองค์ประกอบเข้าแล้วกลายเปนสะพายได้อีกมิได้กระเป๋าแอร์เมสใหญ่ๆนี่แต่แรกทีเขาทำไว้ใส่อุปกรณ์อานม้า
 

ผู้ดีกะไหล่ทองกรุงเทพ ต้องจัดหาอาสนะเก้าอี้วางกระเป๋าแบบเดียวกันให้สูงส่งโอ่อวดคนร่วมโต๊ะ แถมสู้อุตส่าห์ไปหาผ้ากะโหลกกะลามาถักทาทอเย็บหุ้มหิ้วหู_กลัวถะหลอก 55 หมิ่นหยาม_ความทานทนของผลิตภัณฑ์ปรัชญา เอมิล แอร์เมส!

 

อยู่มาวันหนึ่ง นางสาวเจน เบอร์กิ้น ซึ่งเปนดารากึ่งเซเลปสวยเก๋บริสุทธิ์ กำลังควงกับ เซอร์เก้ เกนสเบิร์ก ดารานักร้องเซเลปปารีสอีกเช่นกัน แต่บังเอิญว่าสื่อมวลชนเกิดกระสากลิ่นว่าเจน เบอร์กิ้น ท้องซะแล้ว
 

ในความตกอกตกใจนั้น เจน เบอร์กิ้นเลยเอากระเป๋าแอร์เมสที่ถือมา บังหน้าท้องเริ่มยื่นเต่งจากเนื้อครรโภทร หมายใจจะกันสื่อปาปารัสซี่ไม่ให้ได้รูปสำคัญนี้ไป ฌอง หลุยส์ ดูมาร์ แอร์เมส เห็นกิริยาอาการนี้เข้าท่าน่าประทับใจ สองคนเลยร่วมกันออกแบบพัฒนา ให้ได้กระเป๋าถือสตรีขนาดใหญ่สักหน่อยพอบังท้องสาวมิด โดยคิดเอา ‘โอตากูรัว’ กระเป๋าใส่อานม้าดั้งเดิม มาพัฒนาดัดแปลง เจตนาสำหรับให้ถือได้ทั้งเดินทางและไปทำงาน จนสำเร็จในปี 1984 และเห็นว่าควรตั้งชื่อรุ่นตามชื่อเธอ_เบอร์กิ้น

กระเป๋าเบอร์กิ้นแพงเพราะว่าหาซื้อยาก แม้ว่าจะอยากได้ก็ต้องลงชื่อจองรอการผลิตไว้กว่าจะได้ของก็อาจจะนานถึงสองปีแต่ถีงแม้จะมีบัญชีคนรอคิวยาวเปนหางว่าว ชนฉลาดคิดบางพวกก็ดูเหมือนจะจับทางผู้ผลิตอย่างแอร์เมส ที่ขยายกิจการออกไปทั่วโลกตอบสนองเทรนด์โลกาภิวัตน์ในยุคปี 2000 ได้ ว่าจะต้องมีล่ะน่ะของพร้อมขาย ชั่วแต่ว่าไม่ปล่อยง่ายๆออกมา ต้องรอจังหวะคนซื้อที่เปนขาประจำได้จ่ายเงินกับสินค้าอื่นๆในยี่ห้อตัวเองไปแล้วประมาณหนึ่ง จึงจะพอมีแววได้ของ
 

ผู้ดีตีนแดงบางคนใช้เครดิตเก่าที่มีมานมนานออกล่าแอร์เมส เบอร์กิ้น เขาเหล่านี้ขี่เรือบินกระดกแชมเปญออกไปตามสาขาแอร์เมสต่างๆทั่วโลก รูดบัตรเครดิตซื้อ แล้วก็เอามาตั้งประมูลขายใน อีเบย์ (ดังมาก่อน marketplace ล่ะน่า) แล้วก็ให้เพย์พาลเปนตัวกลางจ่ายเงิน สินค้าก็ส่งถีงมือคนประมูลได้ด้วยบริษัท เฟดเดอรัล เอ็กซ์เปรส ค้าขายกันเปนล่ำเปนสัน ตัดหน้าลูกค้า new rich _รวยใหม่ ให้ไปได้เบอร์กิ้นใช้ในตลาดรองโดยฟันราคาค่าเก็งกำไรได้จากพวกเงินใหม่เสียยับเยิบ
 

กระเป๋าเบอร์กิ้นที่ดีมีคนนิยม นิยมจ่ายราคาสูงๆมักจะผลิตมาจากหนังจระเข้ หนังตะโขง และบางครั้งมีหนังตะกวด หนังตะกวดที่เห็นเล่นกันคือสีดำด้าน ส่วนสีอื่นๆมีมากมายหลายเฉดสีเกินจะพรรณนาเพราะว่าดีไซเนอร์มักได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆมาทุกนาที
 

ที่ฮ่องกงเมื่อสองสามปีก่อนนี้ สีชมพูหนังตะโขง ปี 2020 เคาะกันที่ เกือบสามล้านบาท รวมค่าธรรมเนียมประมูลแล้ว หนังจระเข้สีม่วงอเมธีส ปี 2014 ราคาล้านห้า พอๆกับสีส้มหนังตะโขง ปี 2012 หนังวัวดำlimited edition ปี 2010 ราคายังดีที่ 2 ล้านบาท
 

ที่มาแรงจริงๆใบละ 8,600,000 คือ สีน้าเงินลายหน้าต่าง ปี 2019 หนังด้านจระเข้ ที่สูสีกันคือ สีเทาจระเข้ หิมาลายัน ใบนั่นเคาะกันที่ 7,800,000 บาท!
 

มาบัดนี้อนุสัญญาไซเตสว่าด้วยการอนุรักษ์สัตว์ป่าเริ่มมีผล เจน เบอร์กิ้น เจ้าของชื่อกระเป๋าออกป่าวประกาศให้ถอดชื่อเธอออกเสียทีจากกระเป๋าจระเข้ จระโขง แต่ก็เหมือนเซเลปไฮโซก็มิได้นำพา หมายใจว่าเขาเพาะเลี้ยงกันในฟาร์มอย่างประคบประหงมหรอกน่ะ หามิใช่แล้วหนังสัตว์ป่าๆมันจะมีริ้วรอยบาดแผลไพร เอามาทำกระเป๋าได้ยังไงกัน_มันไม่สวย ว่าแล้วก็เคาะราคา บวก 25% ค่าธรรมเนียมประมูล กันอย่างเพลิดเพลิน!


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18  ฉบับที่ 3,833 วันที่ 6 - 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565