PTT ผ้าป่าสามัคคี...กระทบความเชื่อมั่น

06 ธ.ค. 2565 | 21:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์

*** ประเด็น “ซองผ้าป่าภาคบังคับ” ซึ่งภาครัฐขอเงินสนับสนุนจาก PTT จำนวน  6 พันล้านบาท เพื่อนำมาตรึงค่าไฟฟ้า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ PTT ก็เคยต้องจ่ายเงินในลักษณะ “บอกบุญ” หรือจะอาจจะเรียกว่าการ “ขอส่วนบุญ” เช่นนี้มาแล้วหลายครั้งจนกลายเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ต่างขาดความเชื่อมั่นผ่านราคาหุ้นที่ปรับราคาร่วงลงมาตลอด รวมไปถึงการที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายสำนักต่างพากันปรับลดราคาเป้าหมายของ PTT ลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดกรณีเงินก้อนแรกของ PTT ที่ถูกไถออกไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 

 

เจ๊เมาธ์อยากย้ำว่า สถานภาพปัจจุบันของ PTT คือ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์การระดมทุนโดยตกลงว่าจะจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ร่วมลงทุน แน่นอนว่าไม่มีใครเถียงเรื่องที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเป็นถือหุ้นใหญ่ของ PTT ในสัดส่วนมากกว่า 51% แต่การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ไม่ควรจะเหมาว่ารวมว่า จะทำอะไรก็ได้ อย่างเช่น การต้องมาเบียดบังเอาเงินจำนวนมากไปจ่ายในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวของ หรือ ไม่เป็นประโยชน์กับบริษัทและผู้ถือหุ้นโดยรวม  
     

เจ๊เมาธ์เชื่อว่า ภาครัฐมีช่องทางหารายได้ที่ดีกว่าการหาเงิน โดยที่ไม่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนของประเทศ เช่น ที่กำลังทำอยู่นี้อยู่อีกมาก เพียงแต่อาจจะคิดไม่ถึง...หรืออาจจะไม่ได้คิด ก็อยากให้ลองไปทำการบ้านและคิดกันให้ดีนะคะ เจ๊เมาธ์เชื่อว่า ถ้าตั้งใจคิดก็น่าจะไม่เกินปัญญาของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแน่นอนค่ะ

*** BTG เข้าซื้อขายหุ้นในตลาดมานานมากกว่า 1 เดือน เป็นการเข้าตลาดฯ ก่อนที่จะแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ที่ออกมามีกำไรถึง 2,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311% ส่วนงวด 9 เดือน ปี 65 มีกำไรสุทธิ 6,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,597% แต่กำไรที่ว่านี้กลับไม่สามารถดันให้ราคาหุ้นปรับขึ้นไปยืนเหนือราคาไอพีโอได้เลย...แถมยังต่ำลงมากกว่าวันแรกที่เข้าตลาดด้วยซ้ำไป แต่ก็อย่างว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหายไปจาก BTG นับตั้งแต่ประเด็นการจัดสรรหุ้น RO จำนวน 450 ล้านหุ้น ที่ไม่นำออกมาบอกเล่าให้ชัดเจนจนเมื่อถูกถามถึงกลับบอกให้ไปอ่านในหนังสือชี้ชวนเอาเอง มันดูจะเป็นการเลี่ยงบาลีแบบแปลกๆ นี่ยังไม่นับรวมไปถึงการที่นักลงทุนหลายรายแทบจะไม่รู้ด้วยช้ำว่า BTG จะเข้าตลาดฯ วันไหน มันคือการติดกระดุมเม็ดแรกผิดจนทำให้ทุกอย่างผิดตามไปด้วย เพราะถึงหุ้นจะดีแค่ไหน...แต่ถ้าทำอะไรงุบงิบไม่ชัดเจนผลที่ได้มันก็เป็นแบบนี้นั่นเองค่ะ
     

การทำ กรีนชู  มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาหุ้น แต่กรณี BTG ไม่ได้เกิดประโยชน์แม้แต่นิดเดียวกับนักลงทุน  จากราคาหุ้นตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ หุ้น 40 บาท ได้แต่ต่ำเตี้ย เรี่ยดิน นักลงทุนขาดทุนตั้งแต่ควักเงินออกจากกระเป๋า ซ้ำร้ายหนัก หุ้นเพิ่มทุนจำนวนมาก ต้นทุน 10 บาท ของผู้ถือหุ้นเดิม ขนออกมาขายๆ ราคาไหนก็กำไร ไม่มีเหตุที่ต้องเก็บหุ้นไว้กอด เป็นเหตุให้ราคาวันแรก ต่ำจอง คนจอง IPO ย่อยยับเยิน ...ประโยชน์กรีนชู เห็นชัดๆ เป็นกรณีศึกษาว่า ขายสูงตอนไอพีโอ แล้วไปรอเก็บคืนกรีนชู ในกระดาน ได้ส่วนต่างกำไรง่ายๆ เข้ากระเป๋า 

*** BYD เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่เจ๊เมาธ์กำลังติดตามความเคลื่อนไหว อย่างแรกคือ การที่ BYD เริ่มมีการปรับเปลี่ยนตัวเองออกมาจากการทำธุรกิจหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทางรายหลักของกรุงเทพฯ พร้อมทั้งเปลี่ยนรถโดยสารทั้งหมดให้เป็นรถโดยสาร EV และที่เจ๊เมาธ์บอกว่า น่าสนใจเป็นเพราะคำสั่งซื้อรถโดยสาร EV จำนวน 3,195 คัน เพื่อส่งมอบรถโดยสารให้แก่ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้รับสัมปทานเดินรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 77 เส้นทาง ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BYD รวม 1,250 คัน ส่วนที่เหลืออีก 1,945 คัน จะทยอยส่งมอบให้ลูกค้าครบทั้งหมดในปี 2566 โดยในปี 2566 ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้จำนวนมหาศาลที่จะไหลเข้าที่ BYD อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี 2566 เช่นเดียวกัน เจ๊เม้าธ์ไม่ได้บอกให้เชื่อ เพราะ BYD อาจจะไม่ได้เป็นแค่จุดเปลี่ยนของรูปแบบของรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่า BYD อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนที่คุ้มค่าก็เป็นไปได้ ใครจะรู้
     

*** ราคาหุ้นของ MORE เคลื่อนไหวอยู่ที่ราคา 0.41-0.45 บาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่สอดคล้องกับฐานราคาเดิมที่ 0.50 ซึ่งอาจะเป็นระดับราคาทุนของนักลงทุนระดับเจ้าหน้าใหม่หลายคนของหุ้นตัวนี้ แต่เจ๊เมาธ์ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่า ราคานี้เป็นระดับราคาที่สูงกว่าราคาของเจ้าตัวจริง ที่มีฐานราคาต่ำกว่า 0.10 บาท หมายความว่า การทุบหุ้นกันที่ราคา 2.90 บาทเมื่อเดือนที่แล้ว ถึงแม่ว่าจะสร้างความเสียหายให้กับนักเก็งกำไรเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็ได้เปลี่ยนหุ้น MORE ให้เป็นเงินสดให้กับคนบางกลุ่มไปด้วยเช่นกัน และเกมต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้ ก็คือ เกมการเพิ่มทุนรอบใหม่ที่จะอ้างอิงราคาหุ้นหน้ากระดานเป็นหลัก หมายความว่าตอนนี้เจ้ามีกระสุนพร้อมที่จะดันราคาหุ้น MORE ขึ้นไปเพื่อให้ได้ราคาเพิ่มทุนที่สูงที่สุด งานนี้ก็จะได้ทั้งเงินเพิ่มทุนที่มาจากการลากราคาล่อเม่า และได้ทั้งมูลค่าหุ้นที่สูงมากขึ้น ประมาณว่า “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” นั่นเอง 


หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,842 วันที่ 8 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2565