BEAUTY หุ้นคนสวย...ที่ยังไม่ฟื้น!

23 พ.ค. 2566 | 22:15 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ BEAUTY หุ้นคนสวย...ที่ยังไม่ฟื้น! โดย...เจ๊เมาธ์

*** ถึงเจ๊เมาธ์จะไม่ได้พูดถึง BEAUTY ของหมอวิน มานานแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เจ๊ลืมหุ้นตัวนี้ไปแล้ว เพราะถึงแม้หมอวิน และ ภรรยา จะถอยออกไปจากการเป็นข่าวในช่องทางต่างๆ ด้วยการแต่งตั้งให้ ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ขึ้นมานั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน แต่การที่เป็นผู้บริหาร การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รวมกับภรรยา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

รวมไปถึงการแบ่งขายหุ้นบิ๊กล็อต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นราคาหุ้นขาลงของ BEAUTY ก็ยังตราตรึงและจดจำของนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้หมอวินกลายเป็นหนึ่งในโลโก้ของหุ้นตัวนี้ แม้ในความเป็นจริง ผลการดำเนินงานของบริษัท จะเป็นตัวกำหนดระดับของราคาที่เหมาะสม ขณะที่การขายหุ้นบิ๊กล็อตชุดใหญ่หลายครั้งก็มีขึ้น ก่อนที่ผลการดำเนินงานจะกลายเป็นขาลง ทำให้มองไปแล้วการเป็นขาลงของ BEAUTY แทบจะไม่เกี่ยวกับหมอวินนั่นเอง
 
อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีตำแหน่งบริหาร สามารถเข้าถึงข้อมูล ทำให้ทุกครั้งที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีตำแหน่งบริหารได้ขายหุ้นออกมา มักจะถูกโยงไปถึงเรื่องแนวโน้มอนาคตของบริษัท...ก็ไม่มีอะไร...เจ๊เมาธ์แค่ขุดเอาเรื่องเก่าๆ เกี่ยวความสัมพันธ์ของราคาหุ้น และความเชื่อมั่นมาเล่าให้ฟัง ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดกับหุ้นตัวอื่นก็เท่านั้นเองค่ะ

*** เมื่อพูดถึง BEAUTY ก็ทำให้เจ๊เมาธ์นึกถึง JKN ของคุณแอน (จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์) ขึ้นมาได้เนื่องจากทั้ง BEAUTY และ JKN มีอะไรที่คล้ายกันอยู่หลายอย่าง แน่นอนว่าอย่างแรกก็หนีไม่พ้นเรื่องของราคาหุ้นที่ร่วงลงมาทำจุดต่ำที่สุดไม่ต่างกัน อย่างที่สอง ก็เป็นเรื่องของการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารบริษัทแปลงร่างเข้าไปเป็นหนึ่งในโลโก้ของบริษัทในแบบเดียวกัน 

จะต่างกันก็คือ หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงหนักหมอวิน ของ BEAUTY ก็ยอมถอยหลังออกไป ขณะที่ทางด้านของแอนยังคงไปต่อในนามของ JKN อยู่เหมือนเดิม และท้ายที่สุดที่ทั้ง BEAUTY และ JKN มีเหมือนกันนั่นก็คือ การขายหุ้นบิ๊กล็อตของผู้ถือหุ้นใหญ่ ในขณะที่นั่งอยู่ในตำแหน่งบริหาร แม้จะมีเหตุแห่งการขายที่แตกต่าง แต่ก็เป็นการขายก่อนที่ราคาหุ้นจะเข้าสู่ช่วงของขาลงเหมือนกันนั่นเอง
 
*** ในบรรดาหุ้นโรงพยาบาลถือได้ว่า THG ของหมอบุญ (นายแพทย์บุญ วนาสิน) ที่ถึงแม้จะไม่มีชื่อของ หมอบุญ ในส่วนของผู้ถือหุ้น และผู้บริหาร เพราะปัญหาทางเทคนิคบางประการ แต่ก็ยอมรับว่า THG เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจมาก ที่เจ๊เมาธ์บอกว่าน่าสนใจเป็นเพราะราคาหุ้นหน้ากระดานปัจจุบันสูงกว่าราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ที่ 44-56 บาท ในสัดส่วนค่อนข้างสูง 

และที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ กำไรไตรมาส 1/66 ที่ออกมาเพียง 211 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไร 526 ล้านบาทอยู่ถึง 259% หลังจากรายได้หลักที่มาจากโควิด ที่เคยทำให้ทั้งรายได้และกำไรของ THG โตแรงๆ ในช่วงปีที่แล้วหายไป กรณีนี้ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า THG อาจจะทำกำไรได้ไม่ดีนักในปี 66  ดังนั้น การที่ราคาหุ้นยังคงแข็งแกร่งสวนทางกับผลการดำเนินงานในอนาคต ในมุมนักวิเคราะห์ จึงทำให้หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ต้องจับตา
 
*** ดูเหมือนว่าราคาหุ้นของ JTS จะถอยหลังลงมาอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลการดำเนินงานของ JTS ที่ยังคงมีปัญหาเรื่องการขาดทุนในไตรมาส 1/66 อย่างที่สองก็คือ ประเด็นที่ทาง JTS ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาเดินเครื่องเหมืองขุดบิทคอยน์อีก หลังจากที่ราคาซื้อขายบิทคอยน์กลับมาแรงขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่เคยให้ข่าวว่าได้หยุดและกำลังจะย้ายฐานการขุดบิทคอยน์ไปอยู่ที่ต่างประเทศ โดยประเด็น คือ เมื่อบอกว่ากำลังจะย้าย แล้วทำไมยังจะกลับมาขุดได้อีกและเมื่อราคาบิทคอยน์กลับมีแนวโน้มกลับมาเป็นขาลงอีก เช่นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วทาง JTS จะเอาอย่างไรต่อไปกันแน่ 
 
เอาเป็นว่าเจ๊เมาธ์มองประเด็นปัญหาที่ JTS กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องขุดหรือไม่ขุดบิทคอยน์ต่อไป เพราะตอนนี้ปัญหาน่าจะอยู่ที่เรื่องของความน่าเชื่อถือ เรื่องความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และการตัดสินใจของผู้บริหารซะละกระมั้ง...เล่นชักเข้าชักออกแบบนี้ นักลงทุนรายย่อยอย่างเจ๊ไม่ปลื้มเจ้าค่ะ 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,890 วันที่ 25 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2566